Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2538
สมมาตร์ มีศิลป์ พลิกตำราค้าสมองกล             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์

   
search resources

องค์การค้าคุรุสภา
สมมาตร์ มีศิลป์
Commercial and business




หากถามหาร้านค้าตำราเรียน เด็กนักเรียนแทบทุกคน จะต้องนึกถึงร้าน "ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์" ร้านค้าขององค์การค้าของคุรุสภา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นเจ้าตลาดผู้ค้าตำราเรียนและอุปกรณ์การสอนมากว่า 45 ปี

พื้นที่ใช้สอยบริเวณร้านศึกษาภัณฑ์ ยังคงใช้ไปกับการวางตำราเรียน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน แม้จะมีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนไปเป็นฟู้ดเซ็นเตอร์ และมินิมาร์ท จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคไปบ้าง แต่ศึกษาภัณฑ์ยังคงรักษาภาพลักษณ์เดิม ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

จนกระทั่งเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว พื้นที่บางส่วนของร้านกลับมีอุปกรณ์สมองกล เช่น พีซี คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมอย่างวิทยุสื่อสาร เฉพาะกลุ่มวางจำหน่ายปะปนไปกับตำราเรียนเหล่านี้

ยิ่งไปกว่านั้น องค์การค้าฯยังผันตัวเองไปเป็นดีลเลอร์ พีซีคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ผลิตอย่างคอมแพค และไอบีเอ็ม รวมทั้งอุปกรณ์วิทยุสื่อสารเฉพาะกลุ่ม (ทรังก์เรดิโอ)

เกิดอะไรขึ้นกับองค์การค้าของคุรุสภาแห่งนี้ ?

สมมาตร์ มีศิลป์ รองผู้อำนวยการ องค์การค้าของคุรุสภา อดีตบัณฑิต วิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งหันมาเอาดีทางวิชาชีพอาจารย์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า การหันมาเป็นตัวแทนจำหน่ายพีซีคอมพิวเตอร์เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือ การนำระบบมัลติมีเดียมาใช้เป็นสื่อการสอน

ภารกิจขององค์การค้าฯต่อจากนี้ นอกเหนือจากการผลิตสื่อการสอนแบบดั้งเดิม ในรูปของตำราเรียน และอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทำมา 45 ปีแล้วคือ การผลิตสื่อ วิดีทัศน์ และโปรแกรมช่วยการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ CAI (COMPUTER AIDED INSTRUCTION) ซึ่งเป็นหารเรียนรู้ด้วยระบบมัลติมีเดีย

"สาเหตุที่เราเลือกผลิตสื่อสองประเภทนี้ เพราะเราเชื่อว่า ระบบมัลติมีเดียจะเป็นประโยชน์ในเรื่องการเรียนการสอน จะช่วยลดช่องว่างทางการศึกษา คุณคิดดูสิว่า เด็กต่างจังหวัดจะได้เรียนรู้เท่ากับเด็กในกรุงเทพฯ ซึ่งในอดีตนั้นทำไม่ได้ง่ายๆ นอกจากนั้นวิธีนี้จะช่วยให้เด็กมีความเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น"

สื่อการสอนในรูปแบบวิดีทัศน์ ที่องค์การค้าฯกำหนดไว้ จะมีอยู่ 3 ประเภท คือ วีดีโอเทป เคเบิลทีวี และฟรีทีวี

ส่าวนสื่อใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือ CAI จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การจัดทำในรูปแบบของซีดีรอม จัดอยู่ในประเภทของหรือ OFF LINE และแบบส่งผ่านเครือข่ายโทรคมนาคม หรือ ON LINE

อาจารย์สมมาตร์เล่าว่า สื่อประเภทซีดีรอม จะมีข้อดี คือนักเรียนจะสามารถซื้อแผ่นซีดีเหล่านี้และนำไปใช้กับเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ที่มีระบบมัลติมีเดีย ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้วิชาต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญ การเป็นระบบอินเตอร์แอคทีฟ จะทำให้การเรียนรู้ง่ายยิ่งขึ้น

ส่วนระบบ ON LINE จะเป็นการให้บริการผ่านคู่สายโทรศัพท์สำหรับนักเรียนที่มีเครื่องพีซีติดตั้งอยู่ที่บ้าน จะสามารถเรียนหนังสือจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่องค์การค้าจะส่งข้อมูลออนไลน์ผ่านคู่สายโทรศัพท์มาให้ถึงบ้าน

เรียกว่า องค์การค้าฯ จะทำทั้งสื่อที่อยู่ในรูปของสินค้าที่จับต้องได้ คือวิดีโอเทป และแผ่นซีดี รวมทั้ง การแพร่กระจายไปตามสื่อและเครือข่ายโทรคมนาคม ในรูปแบบของเคเบิลทีวี ฟรีทีวี และออนไลน์

ขั้นตอนการผลิตสื่อทั้งสองประเภทนี้ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ เนื้อหา การผลิต และการจัดจำหน่าย

ในส่วนของเนื้อหานั้น องค์การค้าฯอาศัยการจับมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่สำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) กรมอาชีวศึกษา กรมการศึกษานอกโรงเรียน กรมพลศึกษา และจะมีกรมวิชาการคอยช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาใหญ่ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ส.ว.ท.) เป็นที่ปรึกษาร่วมผลิตเนื้อหาที่จะบรรจุลงในสื่อทั้งสองประเภท

วิธีการจับมือกับหน่วยงานเหล่านี้ จำทำให้องค์การค้าฯมีเนื้อหาวิชาเรียน ครอบคลุม ตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงม.6 รวมทั้งระดับปวช.และปวส. ตลอดจนวิชาทางด้านกีฬา รวมทั้งการศึกษานอกโรงเรียน

"เราจะสนับสนุนทุกอย่าง ในกรณีของกรมสามัญ เราให้เขาเขียนเนื้อหา ให้ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง เขามีหน้าที่อย่างเดียวเขียนให้ดีเท่านั้น ที่เหลือเราจัดการเอง"

เมื่อได้เนื้อหาแล้ว มาถึงขั้นตอนการผลิต อาจารย์สมมาตร์เล่าว่า การผลิตวิดีทัศน์นั้น องค์การค้าจะร่วมมือกับบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์รายหนึ่งของไทย ในการถ่ายทำเป็นวีดีโอเทป เพื่อนำไปจัดจำหน่ายและให้เช่า รวมทั้งส่งผ่านทางเคเบิลทีวี และฟรีทีวี ให้กับนักเรียนทั่วประเทศ

สำหรับ CAI หรือการผลิตซีดีรอม ขณะนี้องค์การค้าของคุรุสภาได้เข้าไปร่วมทุนจำนวน 21% ใน "มัลติมีเดียครีเอชั่น" ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสื่อมัลติมีเดีย ที่กำลังมีบทบาทอย่างมากในตลาดการศึกษา เพื่อผลิตแผ่นซีดีที่จะบรรจุเนื้อหาวิชา แน่นอนว่ามัลติมีเดียครีเอชั่นไม่ได้ลังเลที่จะเปิดทางให้คุรุสภาเข้ามาถือหุ้นด้วยความเต็มอกเต็มใจ

"หากคิดมูลค่าของแผ่นซีดีนั้นไม่แพงเลย แผ่นละ 30 บาทเท่านั้น แต่สิ่งที่แพงคือข้อมูลที่บรรจุอยู่ในแผ่นซีดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องลงทุนสูง" สมมาตร์กล่าว

เมื่อผลิตสินค้าทั้งสองประเภทออกสู่ตลาดแล้ว องค์การค้าฯไม่ต้องกังวลเรื่องการหาตลาดเลย เพราะมีโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ 40,000 แห่ง ที่องค์การค้าฯผูกขาดการผลิตตำราเรียนอยู่แล้ว ที่สำคัญใช้งบประมาณในการจัดซื้ออีกด้วย

แต่สิ่งที่องค์การค้าฯกังวลกลับเป็นเรื่องการกระจายถึงมือนักเรียนให้เร็วที่สุด

"กรมต่างๆ ที่เราให้เขาเป็นผู้เขียนเนื้อหา เขาก็ต้องมาใช้ของเรา ที่สำคัญ แม้เราสามารถคัดลอกวิชามาจากตำราเรียนได้ เราไม่ต้องกลัวในเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่เหมือนกับคนที่เขาเคยทำ CAI ที่ผ่านมา เขาทำได้แค่ซื้อมาจากต่างประเทศและมาแปลเอา แต่นี่เราทำเนื้อหาวิชาเรียนตามหลักสูตรได้เลย"

จากการเป็นผู้กุม "ซอฟต์แวร์" ในมือนี้เอง ทำให้องค์การค้าเนื้อหอม เพราะได้รับการตอบรับจากบรรดาผู้ผลิตพีซีคอมพิวเตอร์ บรรดาโอปะเรเตอร์สื่อสาร ตลอดจนบรรดาสื่อ และเครือข่ายโทรคมนาคมทั้งหลายเป็นอย่างดี

"ในเรื่องของเครือข่ายเราไม่เป็นห่วง เวลานี้มีเคเบิลทีวีหลายค่ายที่ติดต่อเข้ามา เพราะเขาขาดซอฟต์แวร์ แต่เรามี แต่เรายังสงวนท่าทีอยู่ ซึ่งเราจะให้ซอฟท์แวร์เขาไปฟรีเลย เพราะการช่วยเด็กมากกว่าเราไปเสริมใช้เขาในเรื่องของการศึกษา หรืออย่างพีซี ก็มีอีกหลายยี่ห้อที่มาติดต่อเรา แต่เรายังไม่ได้เลือก หรือแม้แต่เพจเจอร์ราชการของกลุ่มสามารถ"

ในทางกลับกันย่อมกระทบกับบรรดาดีลเลอร์ค้าพีซี ที่เคยครองตลาดสถาบันการศึกษาอยู่ ก่อนหน้านี้ แต่อาจารย์สมมาตร์กลับมองว่า ไม่ได้ไปแข่งขัน แต่กลับไปช่วยกระตุ้นตลาดมากกว่า เพราะเอกชนที่ทำตลาดอยู่ก็ไม่มีซอฟต์แวร์

"เราเป็นผู้จุดพลุให้กับวงการ CAI เพราะองค์การค้าฯดูแลหนังสืออยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเราทำ เราที่อิงตำราเรียน แต่คนอื่นเขาก็ทำ เขาจะมองในเชิงธุรกิจ เขาก็จะซื้อซีเอไอเข้ามา เขาจะได้ภาษอังกฤษอย่างเดียว เราต้องลงทุนวิชาละ 2 ล้านบาท เราทั้งหมด 280 วิชา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าทำกำไรสู่การศึกษา"

อาจารย์สมมาตร์เล่าว่า องค์การค้าฯยังมองยาวไกลไปถึงการมีเครือข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง เพื่อผลิตตำราผ่านเครือข่ายเหล่านั้นกระจายไปยังเด็กนักเรียนทั่วประเทศ

การปรับตัวขององค์การค้าฯในวันนี้ จึงเป็นเหมือนสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในวิ4ใหม่ของคลื่นลูกที่สาม แต่สิ่งที่คุรุสภาต้องไม่ลืมว่า คุรุสภาจะสลัดครอบหน่วยงานราชการที่อืดอาดมาสู่โลกยุคใหม่ได้อย่างไร !

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us