Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 มีนาคม 2551
ต่างชาติพักตลาดหุ้นไทยซึม             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยไร้แรงกระตุ้น มูลค่าซื้อขายรวมแค่ 8.7 พันล้านบาท แม้ดัชนีหุ้นปรับบวก 4 จุด เหตุปัจจัยการเมืองยังอึมครึม บวกกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรปปิดทำการ ทำให้วอลุ่มต่างชาติซื้อสุทธิแค่ 70 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% พร้อมคาดการณ์วันนี้ตลาดหุ้นยังแกว่างตัวในกรอบแคบๆ

สถานการณ์การเมืองที่ไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกรณีการพิจารณายุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย หรือคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ยังรอคำตัดสินของศาลฎีกา รวมถึงประเด็นร้อนแรงใหม่ เมื่อรัฐบาลกำลังเดินหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปที่ปิดทำการในวันอีสเตอร์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนหยุดการซื้อขาย

จากปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย (24 มี.ค.) โดยดัชนีปิดตลาดที่ 807.28 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 3.96 จุด คิดเป็น 0.49% และระหว่างวันดัชนีลดลงมาต่ำสุดที่ 799.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,701.05 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 70.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 230.01 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 300.77 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกที่ชัดเจนทำให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยช่วงเปิดการซื้อขายช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่าย ดันดัชนีปิดตลาดในแดนบวก

ทั้งนี้ แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปิดบวกเกือบ 4 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียงแค่ 8.7 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่านักทุนยังคงมีความกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ อาทิ กรณีการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย รวมทั้งคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และประธานสภาผู้แทนราษฎร

"ทั้ง 2 กรณีมีความเชื่อโยงไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงกรณีที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้หลายฝ่ายต่างมีเสียงวิจารณ์ที่แตกต่างกันไป ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะชะลอการลงทุนและรอดูความชัดเจนมากกว่า"

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ปิดทำการ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนหยุดการซื้อขาย ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้หุ้นปตท. และปตท.สผ แกว่งตัวในกรอบแคบ

สำหรับทิศทางในวันนี้ดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ สังเกตทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยสัปดาห์นี้ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศออกมา เช่น ยอดขายบ้านเก่า ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มไม่ดีนัก ซึ่งจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกกับประเด็นเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ยังต้องติดตามว่าจะปรับลงไปถึงไหน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นไทยนั้น ให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศ 60% และปัจจัยภายนอก 40% โดยประเมินแนวรับที่ 799 จุด แนวต้านที่ 809 จุด ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังในการเข้ามาเก็งกำไร ส่วนนักลงทุนระยะยาวถือต่อเพื่อรอดูสถานการณ์ในสัปดาห์หน้า

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซบเซา มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ขาดความชัดเจน ในส่วนคดีความต่างๆ ที่ยังต้องรอคำตัดสิน กดดันตลาดหุ้นไทย รวมถึงกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติที่หายไป จากการปิดทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป

ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ยังคงขาดปัจจัยบวกชี้นำตลาด โดยต้องติดตามว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากเปิดทำการอีกครั้ง รวมถึงภาพที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ซึ่งจะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยประเมินแนวรับที่ 795 จุด แนวต้านที่ 808 จุด

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยชี้นำจากต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลวันอีสเตอร์ บวกกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน เป็นแรงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก และแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไร หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น และซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us