ตลาดกล้อง DSLR บูม โซนี่ รุกชิงแชร์ เพิ่มมูลค่ายอดขาย ขณะที่ฟูจิซอยเซกเมนต์สนองทุกดีมานด์ ล่าสุด ผุดกล้องสายพันธุ์ใหม่ สร้างจุดต่างเบียดตลาด DSLR ด้านแคนนอน ผู้นำตลาดกล้อง DSLR สกัดคู่แข่งด้วยการอัดกิจกรรมเจาะตลาดตั้งแต่คนรุ่นใหม่ไปถึงผู้ใช้กล้องมือโปรตามสตูดิโอ เป็นการรักษาฐานเดิม และเพิ่มฐานใหม่
โซนี่รุกตลาดกล้อง DSLR ต่อยอดประสบการณ์ผู้บริโภคที่ต้องการยกระดับขึ้นมาเล่นกล้องระดับบนที่เปลี่ยนเลนซูมได้ ด้วยการสร้างประสบการณ์ผ่านงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายของ นิติกร กรัยวิเชียร ช่างภาพมืออาชีพ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้กล้องที่ดีขึ้น เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าให้กับตลาด หลังจากที่เซกเมนต์ของกล้องคอมแพกซึ่งเจาะตลาดระดับกลางลงล่างต้องเผชิญกับความตกต่ำของราคา ในขณะที่ผู้เล่นมีมากกว่าสิบราย ส่งผลให้การแข่งขันดุเดือดโดยกล้องระดับ New Entry ที่มีราคาต่ำกว่า 5,000 บาทมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นเพื่อเลี่ยงสงครามราคา รวมถึงความตกต่ำของราคาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้สินค้าตกรุ่นเร็วกว่าในอดีต โดยปัจจุบันค่ายผู้ผลิตกล้องต่างมีการลอนช์เทคโนโลยีใหม่โดยเฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง จึงส่งผลให้ราคากล้องดิจิตอลตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้แต่กล้องเปลี่ยนเลนซูมได้อย่าง DSLR ก็เริ่มมีราคาลดลง ทว่าก็ยังยืนอยู่ในหลักหมื่นบาท และมีส่วนต่างของกำไรสูงกว่ากล้องคอมแพกจึงส่งผลให้หลายค่ายเริ่มให้ความสนใจในเซกเมนต์ดังกล่าว อีกทั้งผู้บริโภคเองก็มีความต้องการใช้กล้องที่มีคุณภาพสูงขึ้น
ในการจัดกิจกรรมแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ได้มีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพ เรียนรู้การปรับแสง และตัดต่อภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคเกิดประสบการณ์ที่ดีกับกล้อง DSLR อัลฟ่าของโซนี่
ตลาดกล้องดิจิตอลในปีที่ผ่านมามีความต้องการอยู่ที่ 950,000 เครื่อง เติบโต 13% ขณะที่มูลค่าตลาดอยู่ที่ 9,000 กว่าล้านบาท เติบโตลดลง 4% โดยสัดส่วนตลาดกว่า 95% เป็นกล้องคอมแพก ที่เหลือ 5% เป็นกล้อง DSLR ส่วนในปีนี้คาดว่าปริมาณความต้องการในตลาดจะอยู่ที่ 1,000,000 เครื่อง โดยมูลค่ายังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมคือ 9,000 กว่าล้านบาท ทว่าสัดส่วนตลาดกล้อง DSLR คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10% ขณะที่ตลาดกล้องคอมแพกจะลดลงเหลือ 90%
ปัจจุบันโซนี่เป็นผู้นำในตลาดกล้องคอมแพก และในตลาดรวมด้วยส่วนแบ่งการตลาด 23% ขณะที่แคนนอนเป็นที่ 2 ของตลาดกล้องโดยรวมด้วยส่วนแบ่งการตลาด 18% ทว่าแคนนอนเป็นผู้นำในเซกเมนต์กล้อง DSLR แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากได้ใช้กล้องไปสักระยะหนึ่งแล้วก็ต้องการกล้องที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ดังนั้นเพื่อมิให้เสียตลาดดังกล่าวให้กับคู่แข่ง โซนี่จึงรุกตลาดกล้อง DSLR โดยใช้สับแบรนด์ว่าอัลฟ่าซึ่งเริ่มทำตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดยมีกล้องอัลฟ่า 200 เจาะตลาดสำหรับผู้เริ่มใช้กล้อง DSLR มีราคาอยู่ที่ 26,990 บาท และอัลฟ่า 700 จับตลาดระดับบน มีราคาอยู่ที่ 49,990 บาท ส่วนในปีนี้โซนี่ลอนช์กล้องอัลฟ่า 2 รุ่น เพื่ออุดตลาดระดับกลาง โดยมีราคาอยู่ที่ 29,990-39,990 บาท ขึ้นกับแพกเกจเลนซูมที่ได้รับ
“ตลาดกล้อง DSLR ของโซนี่ในระดับโลกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยในปี 2549 มียอดขาย 4.2 ล้านเครื่อง ส่วนปีที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มเป็น 5.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นการเติบโตสูงถึง 40% โดยสัดส่วนกว่า 30% เป็นการสเตปอัปมาจากลูกค้าไซเบอร์ชอตของโซนี่” ชนัญชิดา งามเงินวรรณ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กล้อง DSLR โซนี่ ไทย กล่าว
โซนี่ใช้งบการตลาดกว่า 80 ล้านบาทในการทำตลาดกล้อง DSLR อัลฟ่า โดยชูฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายกว่ากล้อง DSLR ทั่วไป ขณะเดียวกันก็ให้รายละเอียดที่สูงกว่า เช่น อัลฟ่า 350 ให้ความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ในระดับ New Entry ด้วยกัน นอกจากนี้ โซนี่ยังเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคสนุกกับการเล่นกล้อง พร้อมกับการสร้างสังคมของคนชอบถ่ายรูป ผ่านเว็บไซต์ เนื่องจากพบว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่นักเล่นกล้องใช้หาข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ตลอดจนมีการจัดทริปเพื่อให้ลูกค้าของโซนี่ได้ร่วมกันถ่ายภาพนอกสถานที่ทุกๆ 2 เดือน
ทั้งนี้โซนี่ยังคงเน้นการใช้งานเชื่อมต่อกัน โดยกล้องอัลฟ่าสามารถลิงก์ข้อมูลไปสู่ โฟโต้ ทีวี เอชดี และ เอส-เฟรม (กรอบรูปดิจิตอล) และยังมีเครื่องปริ้นต์ที่รองรับภาพที่มีความละเอียดสูงซึ่งจะเปิดตัวในปีนี้
โซนี่ตั้งเป้าว่าจะสามารถติด 1 ใน 3 ของผู้นำในตลาดกล้อง DSLR ได้ในปีนี้ ซึ่งต้องมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 10-15% และยังต้องสร้างยอดขายเพิ่มเป็น 2-3 เท่าจากปีก่อนที่ขายได้ 3,000 เครื่อง โดยมีส่วนแบ่ง 5% ในปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์ราคาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้กล้องอัลฟ่าของโซนี่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ทว่าราคาใหม่ก็มิได้ถูกกว่าคู่แข่ง เพียงแต่เป็นระดับที่สามารถแข่งขันได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโซนี่ นอกจากเป็นกลุ่มสเตปอัปจากไซเบอร์ชอตแล้ว ยังมีกลุ่มผู้เริ่มเล่นกล้อง DSLR และกลุ่มที่ใช้กล้อง DSLR อยู่แล้ว
ในขณะที่ฟูจิ สร้างความต่างด้วยการลอนช์ กล้องไฟน์พิกซ์ S100FS ราคา 24,900 บาท ซึ่งให้คุณสมบัติที่เหมือนกับกล้อง DSLR เพียงแต่ว่าไม่ได้มีเลนเปลี่ยนหลายตัวเหมือนกล้อง DSLR ทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคสนุกกับการใช้งานที่ง่าย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่กล้อง DSLR ไม่มี นั่นคือ Film Simulation Mode ซึ่งทำให้สามารถปรับโหมดให้ได้ภาพเหมือนใช้กล้องฟิล์มชนิดต่างๆ
อย่างไรก็ดีแม้จะให้ความสำคัญกับตลาดกล้อง DSLR แต่ก็ยังไม่อาจทิ้งตลาดกล้องคอมแพกได้ เนื่องจากเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาโซนี่ก็พยายามสร้างตลาดด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้บริโภคใช้กล้องเป็นส่วนตัว จากเดิมที่ใช้ครัวเรือนละเครื่อง ในขณะที่ฟูจิมีการซอยเซกเมนต์ตลาดออกเป็น 5 กลุ่มเพื่อนำสินค้าไปตอบสนองในแต่ละความต้องการ โดยกลุ่มนักเล่นกล้อง จะเป็นตลาด DSLR ตลาดครอบครัวยุคใหม่เดินทางท่องเที่ยวบ่อย ก็จะใช้กล้องขนาดกะทัดรัดแต่ให้รูปสวย กลุ่มคนทำงานจะเน้นกล้องที่มีดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ กลุ่มที่ 4 เป็น เจนวาย ต้องการฟังก์ชั่นที่มากกว่าการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการแชร์ข้อมูล กลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้กล้องจะเน้นที่ราคาไม่แพง มีฟังก์ชั่นการใช้งานขั้นพื้นฐานที่ครบ
ทั้งนี้การซอยเซกเมนต์จะเป็นส่วนสำคัญให้สามารถรักษาฐานลูกค้าได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างตลาดตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่นเพื่อให้เกิดแบรนด์ลอยัลตี้ จากนั้นก็จะมีเทคโนโลยีที่มารองรับการเติบโตของลูกค้า โดยจุดเริ่มต้นจึงอยู่ที่การชิงฐานลูกค้าผู้เริ่มใช้กล้องถ่ายรูป ซึ่งที่ผ่านมาโซนี่ต้องทำการตลาดอย่างหนัก หลังจากพานาโซนิคให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมการตลาดกับเด็กๆมากขึ้น โดยสอดแทรกไปกับการสร้างความคุ้นเคยให้เด็กเรียนรู้เทคโนโลยีของพานาโซนิค เช่น โครงการฉลาดคิด ผลิตข่าว กับพานาโซนิค หรือ Kid Witness News (KWN) ตลอดจนการใช้พรีเซนเตอร์เพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยในปีที่ผ่านมาพานาโซนิคทำแคมเปญ ลูมิกซ์ แบตเทิล โดยนำพรีเซ็นเตอร์ เคน-โดม มาเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดให้ผู้บริโภคร่วมกิจกรรม พร้อมกันนี้มีการใช้ภาพพรีเซ็นเตอร์ทั้ง 2 คนติดอยู่บนแพกเกจจิ้งของกล้องพานาโซนิครุ่นใหม่ ส่วนในปีนี้ยังคงใช้พรีเซนเตอร์ เคน-ธีรเดช ร่วมด้วย แอน ทองประสม และ น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์ ภายใต้แคมเปญ Panasonic Lumix Friends ในขณะที่ผู้นำตลาดกล้อง DSLR อย่างแคนนอนก็มีการใช้ พอลล่า เทเลอร์ เป็นพรีเซนเตอร์ในปีที่ผ่านมา
ส่วนในปีนี้แคนนอนมีการทำกิจกรรมเพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจกล้อง DSLR มากขึ้น เช่น กิจกรรมการประกวด มิสแคนนอนยู-ลีก การประกวดภาพถ่าย และประกวดช่างภาพสมัครเล่น รวมถึงการสัมมนากับสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานเพื่อเจาะกลุ่มคนใช้กล้อง DSLR ให้หันมาใช้กล้องของแคนนอน
|