จะเป็นเพราะทุกวันนี้โลกการเงินแคบลงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ
ตลาดทุน 2 ประเทศในอาเซียน ไทย-ฟิลิปปินส์ จึงเกิดเหตุวิกฤตในเวลาใกล้เคียงกันโดยมิได้นัดหมาย
หากเปรียบตลาดทุนของแต่ละประเทศเป็นละครโรงใหญ่ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาทั้ง
2 ประเทศ ต่างภูมิใจเสนอเรื่องราวเร้าใจเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่แพ้กัน
บทละครของตลาดทุนทั้งสองประเทศมีแกนหลักเป็นเรื่องเดียวกันว่าด้วย "ศักดิ์ศรี"
และ "ความเป็นอิสระจากการเมือง" ขององค์กร Securities and Exchange
Commission เรียกย่อๆ ว่า SEC อันเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน (เมืองไทยใช้ชื่อเฉพาะว่า
ก.ล.ต. ย่อมาจาก "สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์")
ตัวเอกของเรื่องก็เหมือนกัน คือหมายเลข 1 ของ SEC ทั้งคู่ ฝั่งฟิลิปปินส์
คือ นางสาวรอสซาริโอ โลเปซ วัย 60 ปี เธอเป็น Chairman ของ SEC ฟิลิปปินส์
ซึ่งนับได้ว่าเป็น SEC เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย (ตั้งเมื่อพ.ศ.2479) เธออยู่ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ปี
2533 หากนับตามวาระคราวละ 7 ปี เธอจะหมดวาระในปี 2540
ส่วนฝั่งไทยคือ นายเอกกมล คีรีวัฒน์ วัย 50 ปี เขาเป็นเลขาธิการก.ล.ต.คนแรกของไทย
ซึ่งนับตามวาระคราวละ 5 ปี เขาจะหมดวาระในอีก 6 เดือนข้างหน้าช่วงมีนาคม
2539
ผู้กำกับการแสดงยังเหมือนกันอีกคือ ระดับสูงสุดของประเทศ อันได้แก่ ประธานาธิบดีฟิเดล
รามอส โดยมีผู้ช่วยคือรัฐมนตรีคลังโรเบอร์โต เดอ โอแคมโปแห่งฟิลิปปินส์ ประชันกับนายกรัฐมนตรีบรรหาร
ศิลปอาชาและรัฐมนตรีคลังสุรเกียรติ เสถียรไทย
แต่วิธีดำเนินเรื่องนี่สิที่ดิฉันว่าน่าสนใจ !
SEC ของทั้งไทยและฟิลิปปินส์ ต่างเผชิญมรสุมทางการเมืองที่รุนแรงอย่างโดดเดี่ยว
โฟกัสมาที่ประเทศไทย ความตึงเครียดในก.ล.ต.พุ่งสูงขึ้นทันทีที่นายกรัฐมนตรีคนที่
21 บรรหาร ศิลปอาชาขึ้นรับตำแหน่ง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยตกไปร่วม 70 จุดต้อนรับรัฐบาลใหม่
ทว่านายกรัฐมนตรีให้เหตุผลชวนให้ตีความทำนองว่า "หุ้นขึ้นหรือลง อยู่ที่ฝีมือของคนคุม
คือ ก.ล.ต."
ระหว่างนั้นเริ่มมีข่าวลือผสมโรงในตลาดหลักทรัพย์ว่าเอกกมลจะยกทีมลาออกเพราะผู้นำไม่ไว้วางใจ
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อปรากฎข่าวในหนังสือพิมพ์อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เปิดเผยเบื้องหลังว่า
นายเอกกมลปล่อยข่าวก.ล.ต.ยกทีมลาออกเพื่อต่อรองเก้าอี้หมายเลข 1 ไว้
เท่านั้นเองเอกกมลก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยความมั่นใจ เขาลาออกทันที "เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
และรักษาความน่าเชื่อถือของสถาบันก.ล.ต."
การลาออกของเขาทำให้มีโอกาสได้เคลียร์ตัวเองกับรมว.คลังยันนายกรัฐมนตรี
ผลสุดท้ายได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่อไป และแล้วพายุทางการเมืองที่พัดผ่าน
ก.ล.ต.ก็สงบลงชั่วคราว
ทางด้านฟิลิปปินส์นั้นตรงกันข้าม รอสซาริโอ โลเปซยืนกรานรักษาศักดิ์ศรีของตัวเธอและ
SEC แม้ว่าแรงกดดันนั้นจะสาหัสเพียงใด
ทว่าเธอไม่ลาออกเด็ดขาด!!
"พวกเขาพยายามทำลายเกียรติและชื่อเสียงของดิฉัน บรรยากาศมีแต่ความหวาดระแวงสงสัย"
แม้เธอไม่ยอมบอกว่า "พวกเขา" เป็นใคร แต่ก็รู้ได้ไม่ยาก
รอสซาริโอ โลเปซ ถูกกดดันอย่างหนักทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งต่อหน้าและลับหลังมาตั้งแต่กลางปี
2537
ในราวเดือนกันยายนปีที่แล้วหลังจากประธานาธิบดีรามอสขึ้นดำรงตำแหน่งได้ปีเศษๆ
เขาเริ่มใช้มาตรการ "ปรับปรุง" SEC อย่างเฉียบพลัน เพื่อทำตลาดทุนให้เป็นกลไกในการออมและพัฒนาเศรษฐกิจฟิลิปปินส์
ในความคิดของเขาพบว่าผู้บริหาร SEC เป็นตัวถ่วงขัดขวางแผนสำคัญนี้
ระหว่างนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียๆ หายๆ จากตลาดหลักทรัพย์บ้าง
โบรกเกอร์บ้างว่า เธอหวงอำนาจ กลัวหลุดจากเก้าอี้ SEC เป็นต้นตอของข่าว Inside
และมีนอกมีในกรณีอนุมัติบริษัทที่ยื่นขอจดทะเบียนให้ทำ IPO (กระจายหุ้นสู่สาธารณชน)
ข่าวนี้จะจริงเท็จอย่างไรคงยากต่อการพิสูจน์ขณะนี้
ประธานาธิบดีรามอสวางแผนให้ SEC ไปอยู่ภายใต้กระทรวงคลังที่เป็นแขนขาของรัฐโดยตรง
ทว่าในทางปฏิบัติกลับทำอะไร SEC แทบไม่ได้ เพราะหน่วยงานนี้อยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การตัดสินใจและคำสั่งของ SEC จะตรงไปที่ชั้นศาลทันที นั่นทำให้มีช่องกฎหมายเป็นข้ออ้างมากมาย
และโลเปซเองก็ใช้มันอยู่บ่อยๆ
"ถ้าจะย้าย SEC เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงคลัง ก็ต้องไปแก้กฎหมายผ่านสภาคองเกรสเสียก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน"
ว่าแล้วเธอก็งัดเอาตัวบทมาคุ้มครองการให้ออกจากงานของเธอให้ดูซับซ้อนเข้าไปอีก
ถึงตอนนี้ประธานาธิบดีรามอสเริ่มมั่นใจขึ้นอีกว่าหนทางที่จะปรับปรุง SEC
ได้ก็คือต้องกำจัดโลเปซออกไปให้พ้นเส้นทาง ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี
รอสซาริโอ โลเปซเผชิญสภาพนี้เป็นเวลาปีกว่าแล้ว มองในแง่ความอดทน Chairman
SEC ฟิลิปปินส์กินขาดเลขาธิการก.ล.ต.ไทย
อันที่จริงตลอด 5 ปีในตำแหน่งนี้เธอผ่านศึกมาไม่น้อย ดิฉันมีโอกาสเข้าไปสัมผัสโดยตรงเมื่อครั้งที่ไปทำข่าวเรื่องตลาดทุนฟิลิปปินส์เมื่อปี
2535 ช่วงนั้นรัฐบาลอาคีโนยังเรืองอำนาจ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนเดี๋ยวนี้
ทั้งตลาดหุ้นมะนิลาและมากาตีทะเลาะกันอย่างรุนแรง เธอถูกรัฐส่งมาเพื่อรวมตลาดทั้ง
2 โดยเฉพาะ ตอนนั้นดิฉันสัมภาษณ์โบรกเกอร์เอกชน ทุกคนก็ชื่นชมเธออยู่ลึกๆ
ว่ากล้าหาญรับงานหฤโหดชิ้นนี้
ปัจจุบันโบรกเกอร์ทั้งสองตลาดเลิกทะเลาะกัน พวกเขาจับมือกันหันมาตะลุมบอนเธอคนเดียว
ในที่สุด SEC ฟิลิปปินส์ปิดฉากลงด้วยการลาออกของรอสซาริโอ โลเปซเมื่อวันที่
25 สิงหาคม ขณะที่ก.ล.ต.ไทยจบฉากแรกด้วยบทสันติภาพและเสถียรภาพของเลขาธิการก.ล.ต.ยังดำรงอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานขนาดไหน
ทว่าชีวิตจริงไม่ใช่ละครที่ปิดม่านแล้วลาโรงไป ตลาดทุนก็ยังดำรงความเป็นหัวใจสำคัญในระบบทุนนิยม
และเป็นแหล่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับคนหมู่มาก ความไม่ลงรอยระหว่าง "การเมือง"
กับ "สถาบันกำกับตลาดทุน" หากเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม ย่อมส่งผลชะงักงันในการดูแลตลาดหลักทรัพย์ให้ดำเนินต่อไปอย่างเป็นปกติ
และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บงานนี้ก็คือนักลงทุนทั่วไป
ที่น่าวิตกก็คือ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไรมันจะเกิดขึ้นอีก