Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มีนาคม 2551
โบรกฯเร่งปั่นค่าฟี หวังแชร์-รายได้เพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ หลักทรัพย์บัวหลวง, บมจ.

   
search resources

หลักทรัพย์ บัวหลวง, บมจ.
ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์
Funds




บล.บัวหลวง ลุยเพิ่มลูกค้าสถาบันในประเทศ-ต่างประเทศมากขึ้น จับมือมอร์แกนฯ พา บจ.ไทยโรดโชว์ต่างประเทศ ด้านแบงก์กรุงเทพรุกแนะนำลูกค้ามากขึ้น-เปิดสาขาในแบงก์ เชื่อดันบัญชีลูกค้าเพิ่มเป็น 2.5 หมื่นล้านบาทปีนี้ พร้อมหวังมาร์เกตแชร์เฉลี่ย 4.3% ขณะที่ บล.กิมเอ็ง เผยมีแผนจัดตั้ง บลจ. ใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท พร้อมนำเงินทุนบริษัท 500 - 1,000 ล้านบาท ให้กองทุนดังกล่าวเข้าบริหาร คาดกลางปีสามารถจัดตั้งได้ หวังค่านายหน้าดีขึ้นกว่าปีก่อนหากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทจะมีการทำการตลาดร่วมกับ มอร์แกน สแตนเลย์ มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศหลังจากที่ทำสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า (Exclusive Partner) โดยการพาบริษัทไปนำเสนอข้อมูลในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้พากลุ่มบริษัทปตท. 5 แห่ง ไปโรดโชว์ลอนดอน ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดี ซึ่งมอร์แกน สแตนเลย์ นั้นให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยมีการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งรัฐบาล และราคาหุ้นไทยถูก และในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม บริษัทพาบริษัทจดทะเบียน 6-8 แห่งไปโรดโชว์ที่ประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ลอนดอน นิวยอร์ก

รวมถึงการที่บริษัทได้ลงนามในสัญญาบริการแนะนำลูกค้า กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL นั้นซึ่งในช่วงต้นปีนี้ก็มีการแนะนำลูกค้าให้กับบริษัทจำนวนมาก โดยคาดว่าในปีนี้จะทำให้บริษัทมีบัญชีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 บัญชี จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 19,000 บัญชี และบริษัทจะเปิดสาขาขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในสาขาของธนาคารกรุงเทพ 5 แห่ง คือ จังหวัดนครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ระยอง อยุธยา

ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)เฉลี่ยปีนี้ 4.30% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 3.68% โดยตั้งแต่ปีมาร์เกตแชร์ของบริษัทก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.8-3.9% จึงเชื่อว่าหากบริษัทได้ร่วมมือกับมอร์แกนฯและธนาคารกรุงเทพ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่าในช่วงไตรมาส4/51 มาร์เกตแชร์ของบริษัทจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 5% และคาดขนาดกองทุนส่วนบุคคลและสำรองเลี้ยงชีพปีนี้เพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาทจากปีก่อน 1.2 หมื่นล้านบาท

นายญาณศักดิ์ กล่าวว่าบริษัทจะพยายามรักษามาร์เกตแชร์อนุพันธ์อยู่ที่ 7% จากที่ในปีนี้จะมีบริษัทเข้ามาทำธุรกิจมากขึ้น จากการที่ตลาดอนุพันธ์ จะมีการออกสินค้าใหม่อีก 1-2 สินค้า ซึ่งจะกระตุ้นการลงทุน และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขอใบอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ประกอบธุรกิจการให้บริการกู้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)และคาดว่าจะได้รับอนุมัติในช่วงไตรมาส2/51 และจะเริ่มดำเนินธุรกิจดังกล่าว

สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจ ในปีนี้ บริษัทมีงานในมือจำนวน 8 ดีล มูลค่าระดมทุน 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยงานด้านการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) การเพิ่มทุนเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไป (PO) และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) โดยคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากงานดังกล่าว 4 ดีล รวมถึงบริษัทยังมีงานที่ปรึกษาการควบรวมกิจการ (M&A)จำนวนมาก

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวความคิดเบื้องต้นที่จะจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยจะนำเงินทุนของบริษัทประมาณ 500 - 1,000 ล้านบาทให้กองทุนดังกล่าวบริหาร ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ รวมทั้งหาผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถมารับผิดชอบ ซึ่งคาดว่าประมาณกลางปีถึงครึ่งปีหลังจะสามารถจัดตั้งได้

สำหรับ ค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ในปีที่แล้วที่ลดลงกว่า 38 ล้านบาทนั้น คาดว่าปีนี้จะดีขึ้น หากสถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ได้ตามเป้าหมาย ขณะที่การแก้ปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐฯ สามารถหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดได้ ส่วนงาน IB ในปีนี้เชื่อมั่นว่าจะมีมากกว่าปีก่อนที่ค่อนข้างเลวร้าย ขณะที่รายได้หลักในปีนี้ยังคงมาจากค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์

ทั้งนี้ บริษัทมีงานอยู่ในมือแล้ว ดังนี้ M&A จำนวน 8-10 ดีล Property Fund (REIT) จำนวน 2-3 ดีล Initial Public Offering (IPO)/Added on Public Offering จำนวน 10-15 ดีล Equity/Private Placement จำนวน 1-2 ดีล Fixed Income จำนวน 2-3 ดีล และFinancial Advisory (FA) - Others จำนวน 2-4 ดีล

อย่างไรก็ดี KEST มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2550 เท่ากับ 0.88 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผล 89% ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีกในอัตรา 0.68 บาทต่อหุ้น เพิ่มเติมจากที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.20 บาทต่อหุ้น ส่วนความเคลื่อนไหวราคาหุ้น KEST วานนี้ (19มี.ค.) ปิดที่ 23.30 บาท ลดลง 0.50 บาท คิดเป็น 2.10% มูลค่าการซื้อขาย 83.55 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us