Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มีนาคม 2551
RAIMONทุ่ม1.6หมื่นล. - ผุด4โครงการรับตปท.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ไรมอน แลนด์, บมจ.
Real Estate




ไรมอนแลนด์ฯ เผยปี51 ทุ่มงบลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท ลุยปูพรม 4 โครงการใหม่ แยกเป็นคอนโดฯ3 โครงการ วิลล่า1 โครงการ มูลค่าขายรวมกว่า 20,000 ล้านบาท เตรียมจัดงานแข่งเรือใบนานาชาติหาดพัทยา ดึงลูกค้ากระเป๋าหนักต่างชาติจองซื้อห้องชุดในพัทยา เปิดผลวิจัยชี้ชัด ความต้องการห้องพักอาศัยจ.ชลบุรี-ระยองขยายตัวต่อเนื่อง ด้านซีบีฯ ชี้ต่างชาติแห่ลงทุนในภูมิภาคเอเชีย หนีปัญหาซับไพรม์ พ่วงทางการยกเลิกกันสำรอง 30%

นายไนเจิล คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)หรือ (RAIMON) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทจะเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เดอะ ล็อฟท์เซาท์ชอร์ พัทยา โครงการคอนโดมิเนียมบนพื้นที่พัฒนาโครงการ 6 ไร่ อาคารชุด 2 อาคาร จำนวน 733 ยูนิต ใช้งบลงทุน 3,600 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 4,700 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาส2 ของปี

ส่วนในไตรมาสที่ 3 จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ โดยจะเป็นคอนโดฯ ภายใต้ชื่อ “185 ราชดำริ” บนเนื้อที่ 4 ไร่ ในย่านถนนราชดำริ โดยจะพัฒนาเป็นอาคารชุด 1 อาคาร จำนวน 200 ยูนิต ใช้งบลงทุน 6,700 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 9,800 ล้านบาท โครงการที่ 2 คือ โครงการวิลล่า “อมัลฟี” ในจังหวัดภูเก็ต มีพื้นที่การพัฒนาโครงการรวม 40 ไร่ จำนวน18-20ยูนิต คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท และมีมูลค่าการขายรวม 4,000 ล้านบาท

และโครงการที่ 4 จะเปิดตัวในช่วงปลายปี โดยเป็นโครงการคอนโดฯในเมืองพัทยา ซึ่งจะใช้ชื่อโครงการว่า “The EDGE” มีพื้นที่ในการพัฒนาโครงการรวม 4 ไร่ จำนวน200 ยูนิต มูลค่าการลงทุน 2,900 ล้านบาท มูลค่าการขายรวม 3,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการตลาดโครงการ เดอะ ล็อฟท์เซาท์ชอร์ พัทยา และโครงการนอร์ทพ้อยท์ พัทยา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% โดยในช่วงเดือนพ.ค.นี้ ทางบริษัทมีแผนจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ซึ่งจะช่วยดึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาชมโครงการและเปิดให้จองห้องชุดในโครงการต่างๆของบริษัท

“ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จังหวัดชลบุรีและระยอง มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ จากการวิจัยตลาดในโซนตะวันออกพบว่า ในช่วงปี 6 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในแต่ละปีเพิ่มขึ้นกว่า 10% ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 6.85 ล้านคนต่อปี กว่า 73% เป็นชาวต่างชาติ และที่เหลือกลุ่มคนไทย ซึ่งจากการขยายตัวของการท่องเที่ยว ส่งผลประชากรในจังหวัดชลบุรี มีอัตรารายได้ต่อหัวต่อปีขยายตัวสูงถึง 9% ประชากรในจังหวัดระยอง มีรายได้ต่อหัวต่อปีขยายตัว 18%”

นายไนเจิล กล่าวว่า สำหรับอัตราการขยายตัวของการเปิดตัวโครงการใหม่ จากปี2547 -2550 มีการเปิดโครงการใหม่สูงถึง 70% ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตร(ตร.ม.)ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้น 15% ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 89,842 บาทต่อ ตร.ม. ส่วนอัตราค่าเช่าอยู่ที่500-600 ต่อ ตร.ม. หรือมีอัตราผลตอบแทนต่อปีประมาณ 6-10% เท่ากับอัตราค่าเช่าห้องชุดในย่านถนนสีลมและสาทร

“จากผลวิจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการห้องชุดพักอาศัยในเมืองพัทยา และจังหวัดในโซนตะวันออก มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นับจากปี2547จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาลงซื้อห้องชุดพักอาศัยเพื่อการลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนจากค่าเช่าที่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องตลอด4ปี”

ทุนต่างชาติโยกลงทุนอสังหาฯไทย

นางกุลวดี สว่างศรี ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนและที่ดิน บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส กล่าวว่า อสังหาฯในประเทศเอเชียน่าจะได้รับประโยชน์จากการที่ตลาดอสังหาฯในอเมริกาและยุโรปกำลังถดถอย ซึ่งตลาดอสังหาฯขนาดใหญ่อย่างประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ และในปัจจุบัน ประเทศไทยเองก็กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น

" นักลงทุนมีความมั่นใจต่อการลงทุนในประเทศไทย หลังการยกเลิกการควบคุมเงินลงทุนที่เข้ามาภายในประเทศ และมาตรการลดหย่อนทางภาษีเพื่อช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ อีกทั้งกฎหมายเอสโครว์ที่กำลังจะประกาศใช้ จะช่วยทำให้การซื้อขายอสังหาฯขนาดใหญ่มีความคล่องตัวมากขึ้น" นางกุลวดี กล่าวและว่า ธุรกิจประเภทคอนโดมิเนียมระดับหรูในกรุงเทพฯ โรงแรม และรีสอร์ทเป็นภาคธุรกิจที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด โดยจะพบว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติหลายราย ได้ร่วมลงทุนกับนักลงทุนชาวไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เช่น แคปปิตอล แลนด์ ของสิงคโปร์ ร่วมทุนกับทีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี

กลุ่มไอเอฟเอ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คูเวต เข้าถือหุ้นในบริษัท ไรมอนด์ แลนด์ ฯ กลุ่มอิสทิธมาร์ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนจากดูไบ ได้ลงทุนในโครงการดับเบิลยู โฮเทล ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการสาทร สแควร์ ของ บริษัท โกลเด้น แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

ส่วนตลาดรีสอร์ต ก็มีความเคลื่อนไหวมากในปีที่ผ่านมา โดยมีพีซีพีดีจากฮ่องกง เข้าซื้อสนามกอล์ฟท้ายเหมืองในจ.พังงา และเดสติเนชั่น พร็อพเพอร์ตี้ ก็เข้าซื้อโรงแรม 2 แห่งในภูเก็ต

" เชื่อว่า ในปีนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการประเภทคอนโดฯ อาคารสำนักงาน และโรงแรมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากเส้นทางของระบบขนส่งมวลชนถูกตรึงอยู่เฉพาะในย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ทำให้ที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาฯในย่านใจกลางธุรกิจหาได้ยากมาก และมีราคาสูง "   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us