Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มีนาคม 2551
แกรมมี่ปรับธุรกิจเพลง6แนวมั่นใจเสริมรายได้เพิ่มอีก500ล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.
บุษบา ดาวเรือง
Musics




จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ชูการวางธุรกิจเพลงใหม่เป็น 6 แนว สนองกลุ่มเป้าหมายชัดเจน พร้อมปรับทัพการทำงานใหม่ให้เข้าแต่ละแนวเพลง มั่นใจเสริมให้รายได้ปีนี้เพิ่มอีก 500 ล้านบาท จาก 3,500 ล้านบาทในปีก่อน

นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ทำการรีเสริ์ช โดยได้จ้างบริษัทภายนอกให้เข้ามาดูแล และจากการสังเกตของพนักงานในบริษัทฯร่วมกัน พบว่าไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก อีกทั้งยังพบว่าปัจจัยลบต่างๆยังรุมเร้าเข้ามาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ยังมีต่อเนื่อง ทำให้ทางบริษัทฯต้องมีการปรับการทำงานใหม่

โดยได้วางแนวเพลงออกเป็น 6 แนวเพลงหลัก คือ 1.ทีน ไอดอล 2. ป็อป ไอดอล 3.ร็อก 4.เร็กโทรและวินเทจต์หรือแนวเพลงลิสซึ่นนิ่ง 5.นิช และ6.ลูกทุ่ง ซึ่งทาง 6 รูปแบบเพลงถือว่าเป็นการวางแนวเพลงที่ลงตัวในขณะนี้ และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทฯได้วางแนวเพลงใหม่แล้ว ภายใต้การทำงานในทุกๆหน่วยงานก็จะมีการแบ่งการทำงานใหม่หมด ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมทีมการตลาดจะดูแลทำการตลาดแบบโดยรวม หลังจากนี้จะมีการคัดบุคคลากรด้านการตลาดที่มีความชื่นชอบส่วนตัวในแนวเพลงร็อก ก็ให้มาดูแลการตลาดเพลงร็อกโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะนำไปใช้กับทุกหน่วยงาน ปรากฏว่าเป็นวิธีการที่ทำให้ผลประกอบการในส่วนของธุรกิจเพลงดีขึ้นค่อนข้างมาก จากผลประกอบการในปีก่อนที่ทำได้กว่า 3,500 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากแนวเพลงหลัก อย่าง ลูกทุ่ง 35% ร็อก 35% และป๊อป 30%

นายกริช ทอมมัส รองการรการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเพลง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากนี้จากการรีเสริ์ชยังทำให้พบว่ารูปแบบเพลงทั้ง 6 รูปแบบ จะมีช่องทางจำหน่าย หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย ส่งผลให้บริษัทฯมีการจัดการเกี่ยวกับช่องทางการจำหน่ายและการผลิตแผ่นซีดีหรือวีซีดีที่ดีขึ้น ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตที่ไม่จำเป็นออกไปได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างเช่น ทีน ไอดอล และ ป็อป ไอดอล ช่องทางจำหน่ายในส่วนของดิจิตอลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่วีซีดีและดีวีดีจะลดลง การเข้าถึงจะใช้สื่อแมสมีเดียค่อนข้างมาก ขณะที่ลูกทุ่งวีซีดีและดีวีดี จะเป็นช่องทางขายที่สำคัญ ส่วนการเข้าถึงจะเป็นรูปแบบให้ศิลปินได้ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ส่วนร็อกจะเป็นเรื่องของโชว์บิส หรือการแสดงคอนเสิร์ตและทางเว็บไซด์เป็นหลัก หรือร้านจำหน่ายแผ่นเพลง บางร้าน ทำให้รู้ว่าควรที่จะแนวไหน และในจำนวนเท่าไหร่จึงจะเพียงต่อต่อปริมาณที่ต้องการและตรงกับกลุ่มเป้าหมายชัดเจน

อย่างไรก็ตามต่อไปนี้ ศิลปินนักร้องของแกรมมี่ ที่ออกอัลบั้มจะขึ้นตรงกับจีเอ็มเอ็มเป็นอันดับแรก แต่ยังคงมีซับแรบนด์ที่สังกัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น จีนี่, อัพจี หรือแกรมมี่โกลด์ ที่ยังคงไว้อยู่ แต่ในอนาคตจะไม่มีซัพแบรนด์อีกต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us