|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เนสท์เล่ ปรับกลุ่มธุรกิจให้บริการผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก แตกบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล รับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนพฤติกรรมแห่กินอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน มูลค่าตลาดทั่วโลกพุ่งกว่า 2.4 แสนพันล้านบาท ชงโครงสร้างบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อสวิตเซอร์แลนด์ ทะลวง 5 ช่องทางหลัก สิ้นปีขยายฐานลูกค้า 20,000 ราย รายได้โต 7%
นางเวโนนีค ครีมาเดส ผู้อำนวยการบริหาร เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Business To Business :B2B) เปิดเผยว่า เนสท์เล่ได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่พร้อมกันทั่วโลกครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 142 ปี ซึ่งจะทยอยปรับเปลี่ยนให้ครอบคลุม 97 ประเทศในปีนี้ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มีการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านเพิ่มขึ้นโดยพบว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านทั่วโลกมีมูลค่าถึง 244,100 พันล้านบาท แต่ละปีมีอัตราการเติบโต 2.7% ขณะที่ธุรกิจอาหารจานด่วนเติบโต 5.5-6% จึงมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะทำตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเนสท์เล่มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 10,096 พันล้านบาท
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เริ่มจากปรับหน่วยงาน “เนสท์เล่ ฟูด เซอร์วิส” มาเป็นบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เพื่อดำเนินธุรกิจบริการผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการมา 2 ปีแล้ว ซึ่งวางไว้ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเจาะช่องทางต่างๆ 2.การกำหนดแนวคิดและพฤติกรรมผู้บริโภค 3.การเพิ่มประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งขึ้น 4.การดำเนินธุรกิจภายใต้โครงสร้างใหม่
ในปีนี้เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อเนสท์เล่ โปรเฟสชันนัลกลางที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากเดิมต้องรายงานตรงต่อเนสท์เล่ในประเทศต่างๆ ส่วนด้านเงินโยกมาขึ้นตรงในปี 2552 นี้ ทั้งถือว่าเป็นการนำรูปแบบของการบริหารจัดการระดับโลกมาใช้ เพื่อสามารถใกล้ชิดกับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ 2 ศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าที่สวิสเซอร์แลนด์ และที่ประเทศอเมริกาเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซึ่งกำลังจะเปิดดำเนินการในเดือนเมษายนนี้
สำหรับโมเดลการขยายธุรกิจแบ่งเป็น 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.รถเข็น ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้า 4,500 ราย 2.สถาบันการศึกษา โรงแรม มหาวิทยาลัย 3.โรงแรม 4.คาเฟ่ เบเกอรี่ 5.โรงงาน จากเดิมมุ่งเน้นช่องทางเชนร้านอาหารใหญ่ๆ อาทิ เคเอฟซี แมคโดนัลด์ มีฐานลูกค้า 33 ราย โดยการบริหารงานขึ้นอยู่การทีมบริหารแต่ละภูมิภาคว่าจะมุ่งเน้นช่องทางใด โดยอาจมีช่องทางอื่นๆ อาทิ โรงพยาบาล สำนักงาน สำหรับแนวโน้มระหว่าง 5 ช่องทางกับเชนร้านอาหารใหญ่คาดว่ามีการเติบโตใกล้เคียงกัน
นางครีมาเดส กล่าวว่า จุดเด่นของเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล คือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างครบวงจร ทำให้ไม่มีคู่แข่งทางตรงที่มีการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทมีการจำหน่ายในช่องทางดังกล่าวอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้บริษัทจะเพิ่มการบริการ การอบรม ตกแต่งร้านค้า หรือนำเสนอเมนูใหม่ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยใช้งบการตลาด 10% จากรายได้กลุ่มเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เจาะกลุ่มผู้ต้องการมีอาชีพจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหาร และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกคาดว่าฐานลูกค้ารวมทั้งสิ้น 20,000 ราย ส่วนรายได้มีอัตราการเติบโต 7% แบ่งเป็น รายได้จาก 5 ช่องทาง ได้แก่ รถเข็น โรงแรม โรงเรียน โรงงาน คาเฟ่ เบเกอรี่ 50% ส่วนอีก 50% เป็น เชนร้านอาหารแบรนด์ดัง โรงพยาบาล สำนักงาน อื่นๆ เป็นต้น
|
|
|
|
|