Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มีนาคม 2551
เนสท์เล่ปรับใหญ่ฟู้ดเซอร์วิสขึ้นตรงสวิตฯชงสูตรรุก5โมเดล             
 


   
www resources

โฮมเพจ เนสท์เล่ประเทศไทย

   
search resources

เนสท์เล่ (ไทย), บจก.
Food and Beverage
Marketing




เนสท์เล่ ปรับกลุ่มธุรกิจให้บริการผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก แตกบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล รับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนพฤติกรรมแห่กินอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน มูลค่าตลาดทั่วโลกพุ่งกว่า 2.4 แสนพันล้านบาท ชงโครงสร้างบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อสวิตเซอร์แลนด์ ทะลวง 5 ช่องทางหลัก สิ้นปีขยายฐานลูกค้า 20,000 ราย รายได้โต 7%

นางเวโนนีค ครีมาเดส ผู้อำนวยการบริหาร เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Business To Business :B2B) เปิดเผยว่า เนสท์เล่ได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่พร้อมกันทั่วโลกครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 142 ปี ซึ่งจะทยอยปรับเปลี่ยนให้ครอบคลุม 97 ประเทศในปีนี้ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มีการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านเพิ่มขึ้นโดยพบว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านทั่วโลกมีมูลค่าถึง 244,100 พันล้านบาท แต่ละปีมีอัตราการเติบโต 2.7% ขณะที่ธุรกิจอาหารจานด่วนเติบโต 5.5-6% จึงมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะทำตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเนสท์เล่มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 10,096 พันล้านบาท

สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เริ่มจากปรับหน่วยงาน “เนสท์เล่ ฟูด เซอร์วิส” มาเป็นบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เพื่อดำเนินธุรกิจบริการผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการมา 2 ปีแล้ว ซึ่งวางไว้ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเจาะช่องทางต่างๆ 2.การกำหนดแนวคิดและพฤติกรรมผู้บริโภค 3.การเพิ่มประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งขึ้น 4.การดำเนินธุรกิจภายใต้โครงสร้างใหม่

ในปีนี้เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อเนสท์เล่ โปรเฟสชันนัลกลางที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากเดิมต้องรายงานตรงต่อเนสท์เล่ในประเทศต่างๆ ส่วนด้านเงินโยกมาขึ้นตรงในปี 2552 นี้ ทั้งถือว่าเป็นการนำรูปแบบของการบริหารจัดการระดับโลกมาใช้ เพื่อสามารถใกล้ชิดกับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ 2 ศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าที่สวิสเซอร์แลนด์ และที่ประเทศอเมริกาเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซึ่งกำลังจะเปิดดำเนินการในเดือนเมษายนนี้

สำหรับโมเดลการขยายธุรกิจแบ่งเป็น 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.รถเข็น ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้า 4,500 ราย 2.สถาบันการศึกษา โรงแรม มหาวิทยาลัย 3.โรงแรม 4.คาเฟ่ เบเกอรี่ 5.โรงงาน จากเดิมมุ่งเน้นช่องทางเชนร้านอาหารใหญ่ๆ อาทิ เคเอฟซี แมคโดนัลด์ มีฐานลูกค้า 33 ราย โดยการบริหารงานขึ้นอยู่การทีมบริหารแต่ละภูมิภาคว่าจะมุ่งเน้นช่องทางใด โดยอาจมีช่องทางอื่นๆ อาทิ โรงพยาบาล สำนักงาน สำหรับแนวโน้มระหว่าง 5 ช่องทางกับเชนร้านอาหารใหญ่คาดว่ามีการเติบโตใกล้เคียงกัน

นางครีมาเดส กล่าวว่า จุดเด่นของเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล คือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างครบวงจร ทำให้ไม่มีคู่แข่งทางตรงที่มีการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทมีการจำหน่ายในช่องทางดังกล่าวอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้บริษัทจะเพิ่มการบริการ การอบรม ตกแต่งร้านค้า หรือนำเสนอเมนูใหม่ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยใช้งบการตลาด 10% จากรายได้กลุ่มเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เจาะกลุ่มผู้ต้องการมีอาชีพจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหาร และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกคาดว่าฐานลูกค้ารวมทั้งสิ้น 20,000 ราย ส่วนรายได้มีอัตราการเติบโต 7% แบ่งเป็น รายได้จาก 5 ช่องทาง ได้แก่ รถเข็น โรงแรม โรงเรียน โรงงาน คาเฟ่ เบเกอรี่ 50% ส่วนอีก 50% เป็น เชนร้านอาหารแบรนด์ดัง โรงพยาบาล สำนักงาน อื่นๆ เป็นต้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us