|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทรูวิชั่นส์ เดินหน้าเจรจาแก้สัญญากับทางอสมท ขอมีโฆษณาได้ คาดไม่เกินไตรมาส1รู้เรื่อง พร้อมทดลองตลาดขายโฆษณาในไตรมาส2 เผยไม่คิดปรับราคาแพ็กเกจ แต่จะเน้นเพิ่มช่องและคอนเท้นต์รายการแทน เชื่อผู้บริโภคมองว่าคุ้มมากกว่า ส่วนรายได้โฆษณาคาดว่าจะมีสัดส่วนที่ 10% ของรายได้ทั้งหมด มั่นใจปีหน้าเริ่มเห็นรายได้ดังกล่าว
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรูวิชั่นส์ เปิดเผยว่า จากปัญหาเรื่องสัญญาสัมปทานที่ทำกับทางบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นั้น ขณะนี้กำลังจะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่ามีการประชุมร่วมกันอีก 2-3 ครั้งก็น่าจะลงตัว ส่วนเรื่องพรบ.วิทยุโทรทัศน์ ที่อนุญาตให้เคเบิลทีวีสามารถมีโฆษณาได้ ล่าสุดทางบริษัทฯได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าปรึกษาพูดคุยกับทางอสมท ซึ่งทางอสมทเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและเห็นด้วยกับการมีโฆษณาดังกล่าว แต่ยังติดปัญหาบางข้อ เช่น การแบ่งรายได้จากโฆษณา ซึ่งมองว่าจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง คาดว่าไม่เกินไตรมาส1นี้จะเรียบร้อย ส่วนไตรมาส2น่าจะเริ่มทดลองตลาดและขายโฆษณาได้
สำหรับการให้เคเบิลทีวีสามารถมีโฆษณาได้นั้น หากทางทรูมีการตกลงกับทางอสมทได้แล้ว คาดว่าในไตรมาส2จะเริ่มดำเนินการทดลองตลาดขายโฆษณาได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะมีลูกค้าหันมาซื้อสื่อผ่านทางทรูวิชั่นส์ค่อนข้างสูง เพราะเมื่อเทียบอัตราโฆษณาของเคเบิลทีวีจะถูกกว่าสื่อทีวีหลายเท่า นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจหรือสินค้ายังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น กับรูปแบบรายการที่ทางทรูวิชั่นส์มีอยู่ นอกจากนี้ยังมองว่ากลุ่มสินค้าประเภทนิชมาร์เก็ตที่ไม่เคยโฆษณาผ่านทางฟรีทีวีจะเข้ามาใช้บริการผ่านทรูวิชั่นส์อีกด้วย เช่น กลุ่มเอสเอ็มอี หรือรถยนต์ระดับสูง
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า สำหรับรายได้โฆษณาที่จะเข้ามาครั้งนี้ ตามที่ศึกษาจากกลุ่มธุรกิจเดียวกันในภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ 10% ของรายได้ ซึ่งใช้เวลากว่า 10 ปี กว่าจะมีสัดส่วนดังกล่าว ดังนั้นจึงมองว่าสำหรับทรูวิชั่นส์เองก็ไม่น่าจะเกินนั้น แต่ทั้งนี้รายได้โฆษณาชองทรูวิชั่นส์เองน่าจะเริ่มรับรู้ได้ในปีหน้า ซึ่งมองว่าอาจจะเริ่มจาก 2-3% ของรายได้ก็เป็นได้ เพราะคาดการณ์สถานการณ์ลำบากว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาใช้สื่อโฆษณาผ่านทรูวิชั่นส์มากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้โฆษณาที่จะเข้ามาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นรายได้หลักของทางบริษัทฯแต่มองเป็นผลพลอยได้มากกว่า ขณะเดียวกันรายได้ดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นมา ทางบริษัทฯจะนำไปใช้ทางด้านการพัฒนาคอนเท้นต์รายการต่างๆให้มากขึ้น เพิ่มช่องรายการจากเดิมเช่น ช่องอาหาร สารคดี หรือแม้แต่ช่องข่าว พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกด้วยราคาแพ็กเกจเท่าเดิม แต่ลูกค้าได้รับชมรายการที่หลายกหลายและมากขึ้นจากเดิม ซึ่งมองว่าลูกค้าจะพอใจมากกว่า ที่จะได้รับราคาแพ็กเกจที่ลดลง อีกทั้งมองว่าเป็นผลดีกับทางบริษัทฯ เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าการที่ลดราคาแพ็กเกจลง จะคุ้มกับจำนวนรายได้โฆษณาที่เข้ามาหรือไม่
ล่าสุดทางบริษัทฯยังคงพัฒนาบริการใหม่ๆกับกล่องรับสัญญาณรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับฮาร์ดดิกส์ในตัวขนาดความจุ 160 กิกะไบต์ ในชื่อ “TrueVisions Personal Video Recorder หรือ TrueVisions PVR” ด้วยฟังก์ชั่นดูผังรายการพร้อมตั้งอัดล่วงหน้าได้นานกว่า 140 ชั่วโมง จำหน่ายในราคา 14,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นไม่ต้องจ่ายรายเดือนเป็นระยะเวลากว่า 1 ปีเต็ม สิ้นสุดในเดือนเม.ย.ปีหน้า เบื้องต้นคาดว่าจะจำหน่ายได้กว่า 10,000 เครื่องในระยะเวลา 1 ปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิมที่หันมาใช้กล่องรับสัญญาณใหม่ และลูกค้าใหม่ที่สนใจอีกเล็กน้อย
|
|
|
|
|