"สุวรรณ" เปิดแผนฟื้นฟูฯทีพีไอ เตรียมโละขายสินทรัพย์บริษัทต่อเนื่อง
รวมถึงดึงอดีตผู้ว่าการ ปตท. เป็นที่ปรึกษาด้านปิโตรเคมีบริษัท ผู้บริหาร แผนไทย
หวังศาลแต่งตั้งบริหารแผนฟื้นฟูฯ ทีพีไอ 11 มิ.ย.นี้ขณะที่สหภาพแรงงานทีพีไอค้าน
เจ้าหนี้ตั้งผู้บริหาร แผนไทย หวั่นกลายพันธุ์เป็น "อีพีแอล 2" บริหารงานทีพีไอผิดพลาดอีก
ด้านทีพีไอออกแถลงการณ์เสนอแนว ทางการฟื้นฟูทีพีไอภายใต้แนวทางคำแนะนำของศาลล้มละลายกลาง
จากการประชุมเจ้าหนี้บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมี กัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI)
ได้โหวตเลือกบริษัท ผู้บริหารแผนไทย จำกัด เป็นผู้บริหารแผน คนใหม่ด้วยคะแนนเสียงกว่า
90% ของมูลหนี้ ล่าสุดทางคณะกรรมการ เจ้าหนี้ ได้ติดต่อนายพละ สุขเวช อดีตผู้ว่าการปตท.
เป็นที่ปรึกษาพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกรรมการบริษัท ผู้บริหารแผนไทย
นายสุวรรณ วลัยเสถียร กรรมการบริษัท ผู้บริหารแผนไทย จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่ติดต่อนายพละเป็นที่ปรึกษาบริษัท
เพื่อต้องการคำแนะนำอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะมีผลให้บริษัท ผู้บริหารแผนไทยบริหาร
งานครบวงจร
การแก้ไขแผนฟื้นฟูฯTPI ขณะนี้มีรายละเอียด แล้ว กำลังรอศาลล้มละลายกลางแต่งตั้งให้บริษัท
ผู้บริหารแผนไทย เป็นผู้บริหารแผนฯทีพีไออย่างเป็น ทางการ
เดินหน้าขายทรัพย์สินทีพีไอ
ส่วนเรื่องหลักที่จะอยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ได้แก่ การ ทำความเข้าใจกับพนักงาน TPI
ขอให้เจ้าหนี้นำเงินทุนหมุนเวียน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,280 ล้านบาท) ใส่ให้บริษัท
เหมือนที่เคยปฏิบัติก่อนหน้านี้ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
และอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ ทีพีไอ เข้ามาเป็นผู้บริหารแผนชั่วคราว หลังจากปลดบริษัท
เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส ในเครือเฟอร์เรียร์ ฮอดจ์สัน ที่จดทะเบียนที่หมู่เกาะบริติช
เวอร์จิน ไอส์แลนด์ จากการเป็นผู้บริหารแผนฯ ทำให้เจ้าหนี้ระงับหนี้เงินทุนดังกล่าว
รวมทั้ง ทบทวนรายละเอียดแผนฯเดิม และรับทราบตัวเลขที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะประเมินฐานะแท้จริงทีพีไอ
และจะหาหนทางแก้ไขต่อไป และการ ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก TPI ซึ่งมีมาก
โดยราคาเสนอขาย จะต้องเป็นราคาที่ดี และโปร่งใส
เรื่องการขายสินทรัพย์ จะแตกต่างจากการปฏิบัติของผู้บริหารแผนฯ เดิม คืออีพีแอล
เนื่องจาก ผู้บริหารแผนฯ เดิม ต้องการขายสินทรัพย์เพื่อชำระคืนให้เจ้าหนี้
อย่างไรก็ตาม นายสุวรรณกล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าวันที่ 11 มิ.ย.นี้ บริษัทจะได้รับเลือกเป็นผู้บริหาร
แผนฯ ทีพีไอรายใหม่ เพราะได้รับอนุมัติจากเจ้าหนี้แล้ว เมื่อเจ้าหนี้ถือหุ้นทีพีไอ
45% การแต่งตั้งผู้บริหาร แผนฯ รายใหม่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
หากตั้งผู้บริหารแผนฯรายใหม่เร็ว จะแก้ไขปัญหาทีพีไอได้ดี ซึ่งกรณี TPI มีผลกระทบภาพรวม
เศรษฐกิจ และตลาดทุน ซึ่งราคาหุ้น TPI ปรับตัว ดีขึ้นจาก 3 บาท อยู่ที่ 5 บาทกว่าแล้ว
สหภาพฯค้านผู้บริหารแผนไทย
ทางด้านนายวิชิต นิตยานนท์ ประธานสหภาพแรงงานผู้บริหาร เครือทีพีไอ กล่าวว่า
วานนี้ (9 มิ.ย.) ทางสหภาพทีพีไอฯได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ศาลล้มละลายกลาง เพื่อคัดค้านมติที่ประชุมเจ้าหนี้ที่เลือกบริษัท
ผู้บริหารแผนไทย มาเป็นบริหารแผนฟื้นฟูกิจการต่อจากอีพีแอล
เนื่องจากเห็นว่า การแต่งตั้งบริษัทดังกล่าว ไม่เคารพศาล เพราะศาลมีคำสั่งระบุชัดว่า
การเลือก ผู้บริหารแผนรายใหม่ ต้องเป็นที่ยอมรับจากลูกหนี้ คือนายประชัย หรือคณะบุคคลภาครัฐที่เป็นกลาง
และมีความสามารถบริหารงาน และจัดการทรัพย์สิน ลูกหนี้
มติดังกล่าว เป็นความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ฝ่ายเดียว สหภาพฯเกรงว่าเมื่อบริหารงานแล้วจะเกิด
ความผิดพลาดได้ เหมือนผู้บริหารแผนรายเดิม คือ อีพีแอล
ที่ผ่านมา อีพีแอลได้สร้างความเสียหายซ้ำเติมให้ทีพีไอที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ
รวมทั้งพฤติกรรมและเจตนารมณ์ที่น่าเคลือบแคลงของเจ้าหนี้ที่กระทำผ่านอีพีแอล แสดงให้เห็นความไม่จริงใจในการฟื้นฟูทีพีไอ
ตลอดเวลาที่อีพีแอลเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนทีพีไอ ได้ถลุงเงินทีพีไอไปทั้งสิ้น
2,155 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ถึง 1,231
ล้านบาท หรือสูงกว่า 133%
ทั้งที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่อีพีแอลต้องจ่ายเองในการทำแผนบริหารกิจการ
เป็นจำนวน ถึง 981 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษากฎหมาย 719 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับคณะกรรมการเจ้าหนี้
166 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางด้านการเงินและเทคนิค 121 ล้านบาท และค่าบริการรักษาความปลอดภัย
114 ล้านบาท
TPI ออกแถลงการณ์อีก
ด้านทีพีไอได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุความล้มเหลวในการบริหารแผนทีพีไอ นอกจากขาดความรู้และความสามารถ
ในการดำเนินธุรกิจแล้ว ศาลล้มละลายกลางได้ระบุในคำสั่งถอดถอนผู้บริหาร ไว้อย่างชัดเจนว่า
ผู้บริหารแผนขาดความจริงใจ และ ความตั้งใจในการบริหารกิจการ ขาดการควบคุมค่าใช้จ่าย
และไม่สามารถดำเนินการผลิต และสร้างผลกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม และดอกเบี้ยได้ตามเป้าหมาย
จึงมีคำสั่งให้ถอดถอนผู้บริหารแผน
ขณะที่เจ้าหนี้ปล่อยปะละเลย ไม่ควบคุมการดำเนินการของผู้บริหารแผนอย่างใกล้ชิด
ตามหลักการของ Good Governance ทั้งที่คณะกรรมการเจ้าหนี้ ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
ที่ผู้บริหารแผนใช้เงินของลูกหนี้จ่ายให้ตลอดเวลาประมาณ 30 เดือน เป็นเงินประมาณ
320 ล้านบาท
ดังนั้น แนวทางในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามหลักการที่ศาลล้มละลายกลางให้แนวทางไว้
คือ ควรแต่งตั้งผู้บริหารแผนตามหลักการที่ศาลล้มละลาย กลางให้แนวทางไว้ และรัฐบาลได้เสนอแนวทางปฏิบัติ
ในรูปแบบคณะผู้บริหารแผนร่วม เพื่อขจัดความขัดแย้งและกำกับดูแลการบริหารกิจการของลูกหนี้ให้เกิดความโปร่งใส
ไม่มีผลประโยชน์ขัดกัน
ควรมีการประเมินฐานะทางการเงิน และธุรกิจ ของลูกหนี้ใหม่เพื่อทำการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ
ให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ รวมทั้งให้ลูกหนี้บริหารกิจการ ต่อไปภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหนี้
เนื่องจากลูกหนี้ มีผู้บริหารที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์และมีความสำพันธ์ที่ดีกับพนักงาน
โดยลูกหนี้พร้อมจะยอมรับให้เจ้าหนี้เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลและตรวจสอบ เพื่อให้การบริหารงานโปร่งใส
มีจริยธรรม ไม่มี ผลประโยชน์ขัดกัน
รวมไปถึงการกำหนดขอบเขตอำนาจบริหาร และอำนาจอนุมัติ ทั้งด้านการบริหารจัดการ
การจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดทั้งการบริหารการเงินให้ชัดเจน เพื่อสร้าง Accountability
และความชัดเจนในกระบวนการบริหารสรุป
ปัจจุบัน ทีพีไอในฐานะผู้บริหารแผนชั่วคราว ได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ
โดยเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันได้เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนด อยู่ที่ 130,000 บาร์เรลต่อวัน
รวมทั้งยังบริหาร สภาพคล่องให้เพียงพอภายใต้การถูกเจ้าหนี้ตัดสภาพ คล่องจำนวน 3,200
ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยสำหรับเดือนเมษายน
และเดือนพฤษภาคม 2546 คิดเป็นเงินเดือนละประมาณ 320 ล้านบาท รวมเป็น 640 ล้านบาท
ให้เจ้าหน้าที่ได้คามกำหนด เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดทั้งหมดที่มีเพื่อดำรงความอยู่รอดของกิจการ
ทั้งนี้ ลูกหนี้พร้อมที่จะชำระดอกเบี้ยให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ทันทีที่เจ้าหนี้ยุติการระงับมิให้ลูกหนี้ใช้วงเงินที่อนุมัติอนุมัติเดิมให้กับลูกหนี้
โดยมีการจด จำนองหลักทรัพย์ไว้ถึง 61,000 ล้านบาท หรือเมื่อลูกหนี้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระดอกเบี้ยได้