มิตซุย สุมิโตโม เล็งขยายธุรกิจประกันชีวิต และประกันภัยรถยนต์ โดยหวังจับฐาน
ลูกค้ารายย่อยอาศัยฐานธุรกิจวินาศภัยให้ประโยชน์ โปรยยาหอมตลาดเมืองไทยมั่นคงสูง
คุณภาพชีวิตประชากรดีขึ้น และสั่งสมเวลามานานถึง 50 ปี จึงน่าจะทำให้ง่ายต่อการสร้างฐานตลาดมากขึ้น
นายทาเคโอะ อิโนคุจิ ประธานบริษัท และ CEO บริษัท มิตุยมารีน แอนด์ไฟร์ อินชัวรันส์
จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทจะขยายตลาดธุรกิจประกันภัยในประเทศด้วยการเลือกลงทุนในธุรกิจใหม่
ๆ เช่น ธุรกิจ ประกันชีวิต โดยใช้สาขาของประกันวินาศภัยที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นฐานในการขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น
รวมทั้งการเตรียมที่จะเจาะเข้าสู่ประกันภัยรถยนต์ให้มากขึ้นจากเดิมที่เน้นหนั่กไปที่การประกันอัคคีภัย
และการประกันภัยสินค้าทางทะเล
การขยายธุรกิจค้องมีประสิทธิภาพ และมีตลาดธุรกิจประกันภัยของชาวญี่ปุ่น 80% เป็นหลัก
กลยุทธ์ ที่วางไว้คือการจัดหาผลิตภัณฑ์การประกันภัยประเภทใหม่ ซึ่งง่ายต่อการเข้าใจและเอาประกัน
โดยเฉพาะ การประกันภัยรถยนต์ที่บริษัทต้องการทำเป็นแบบครบวงจร ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ขณะที่แผนขยายการดำเนินงานของบริษัท ในด้านการประกันภัยรถยนต์หรือการประกันอัคคีภัย
ให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้นโดยผ่านทางเครือข่ายของบริษัท โดยเฉพาะผ่านทางตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และสถาบัน
การเงินต่างๆ และพิจารณาการลงทุนในธุรกิจประเภทใหม่ๆ เช่นการประกันชีวิต ซึ่งมองไว้
2 แนวทาง คือการร่วมทุนและการร่วมลงทุนกับบริษัทประกันชีวิตที่มีอยู่แล้ว แต่แผนดังกล่าวยังไม่ได้มีการกำหนด
แน่ชัดว่าจะเริ่มเมื่อใด
สาเหตุที่บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทยเนื่องจากมองว่า เศรษฐกิจในประเทศไทยมีความมั่นคงสูง
ระดับคุณภาพชีวิตของประชากรไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงการเข้ามาตั้งบริษัทใน
เมืองไทยนานถึง 50 ปี ทำให้มีฐานที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ง่ายต่อการสร้างตลาดเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นยังได้กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดภาคพื้นเอเชีย ด้วยการสร้างรากฐานการดำเนินงาน
ที่มั่นคง และให้การสนับสนุนธุรกิจประกันภัยในประเทศต่างๆ ในเอเชีย เพื่อขยายธุรกิจประกันวินาศภัย
และเพื่อเติบโตในด้านของขนาดและผลกำไร นั่นคือการเพิ่มรายได้ และกำไรทั้งในตลาดญี่ปุ่น
และ บริษัทในประเทศไทยด้วย รวมถึงเพื่อขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันได้เตรียมการประสานงานทางด้านเทคนิคการประกันภัยในการพัฒนาธุรกิจประกัน
ภัยภาคพื้นเอเชีย และเน้นการดำเนินงานในประเทศจีนเป็นจุดสำคัญในปีที่ผ่านมาสาขาในประเทศไทย
มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอันดับของบริษัทยืนอยู่ที่
11 จากกลุ่มประกัน วินาศภัยทั้งหมด 78 บริษัท และมีจำนวนพนักงานอยู่ 150 คน นอกจากนี้รวมบริษัทเครือข่ายในภาคพื้นเอเชีย
มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 343 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 1,300
คน