|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยเด้งรับเฟดประกาศเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทุ่มเงินกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์เสริมสภาพคล่อง-ฟื้นเศรษฐกิจ บวกกับคาดการณ์เฟดหั่นดอกเบี้ยลงอีก 0.50-0.75% ด้านบล.แอ๊ดคินซัน มั่นใจหลัง พ.ค. ตลาดหุ้นไทยกลับเข้าสู่ช่วงขาขั้น หลังพิษซับไพรม์สหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ขณะที่โบรกเกอร์ยังห่วงปัญหาการเมืองในประเทศฉุดความมั่นใจ แนะรอความชัดเจนคดียุบ "ชาติไทย-มัชฌิมาฯ" สัปดาห์หน้า
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (12 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศทุ่มเงินกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงบรรเทาปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) รวมถึงเข้ามาเก็งกำไรข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เตรียมลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมช่วงสัปดาห์หน้า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 400 จุด
ด้านปัจจัยทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกระแสข่าวเรื่องผลการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ในท้ายที่สุดอาจจะไม่ส่งผลทำให้ต้องมีการยุบพรรค เนื่องจากเป็นความผิดเฉพาะบุคคล ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 827.00 จุด เพิ่มขึ้น 7.17 จุด หรือ 0.87% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 833.12 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 825.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,782.48 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,335.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 220.17 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,115.81 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศจากการที่เฟดประกาศอัดฉีดเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์จำนวน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 400 จุด รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจนทำให้มีแรงเข้ามาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจจะมีการปรับตัวลดลงจากแรงขายเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุน จากก่อนหน้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงตอบรับขาวที่เฟดจะอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อสภาพคล่องในระบบ ประกอบกับหากการประกาศยอดปริมาณน้ำมันสำรอง (สต็อกน้ำมัน) หากมีสต็อกน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้นักลงทุนมีการขายสัญญาซื้อขายน้ำมันออกมา ซึ่งจะทำให้มีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มน้ำมัน โดยจะส่งผลให้ตลาดหุ้นต่างๆ รวมถึงตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานขายทำกำไร
ส่วนประเด็นการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง 2 พรรคนั้น คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งได้มีการเลื่อนพิจารณาคดีออกไปวันที่ 18 มีนาคม 2551 จากเดิมที่จะพิจารณา 13 มีนาคมนี้ คงไม่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก
"หากไม่มีการการตัดสินให้ยุบพรรค จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะนักลงทุนตอบรับข่าวดังกล่าวไปแล้ว ประเมินแนวรับที่ระดับ 819-820 จุด แนวต้านที่ระดับ 830-831 จุด แต่ถ้าหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ 831-833 จุด นักลงทุนควรมีการขายทำกำไรออกมา แต่หากเป็นนักลงทุนระยะถือลงทุนได้จากวันที่ 18 มีนาคม เฟดอาจจะมีการปรับตัวลดดอกเบี้ย 0.50%"
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองคงจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นมากนัก แม้จะมีการยุบพรรคการเมือง เพราะปัญหาทางการเมืองจะต้องมีการดำเนินต่อไปได้ ขณะเดียวกันหากมีการยุบทั้ง 2 พรรคจริง จะทำให้สมาชิกย้ายมารวมกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะทำให้มีเสียงในสภามากขึ้น โดยมองแนวรับที่ระดับ 813 จุด แนวต้านที่ระดับ 835 จุด
"ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 จุด ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่ำกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค" นายกวี กล่าว
|
|
 |
|
|