Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 มิถุนายน 2546
ส่วยท่องเทียวบานฉำสองมาเฟียใหญ่ชักใยเบื้องหลัง             
 


   
search resources

Tourism




เผยโฉมหน้ามาเฟียจอมอิทธิพลสองค่ายใหญ่กุมผลประโยชน์วงจรอุบาทก์ทัวร์ศูนย์เหรียญและมะเร็งร้าย"ส่วยท่องเที่ยว"อย่างเบ็ดเสร็จ ผ่าเส้นทางส่วยค้ำจุนทัวร์นอกคอกทั้งระบบ มีทั้งประเภท "ส่วยสามัญ" ที่ส่งกันเป็นประจำไปจนถึง "ส่วยหุ้นส่วนอิทธิพล" รับประกันผลงานเคลียร์ได้ทุกระดับทั่วราชอาณาจักร

"ทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นการดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นขบวนการ เชื่อมโยงและจัดแบ่งผลประโยชน์กันทั้งเครือข่ายอย่างครบวงจร ตั้งแต่กลุ่มบริษัททัวร์เอาต์บาวนด์ของจีน กลุ่มบริษัททัวร์อินบาวนด์ของไทย กลุ่มไกด์เถื่อน ซึ่งเป็นจักรกลสำคัญในการปฏิบัติการรีดเงินจากนักท่องเที่ยว และบริษัทร้านจิวเวลรี่ 2 ค่ายเป็นนายทุนใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้ทั้งหมด

"โฉมหน้าของบริษัททำทัวร์จีนของไทยราว 50-60 บริษัทในวงจรอุบาทว์นี้ เนื้อแท้แล้ว กว่า 70% เจ้าของที่แท้จริง คือกลุ่มคนต่างชาติที่เป็นชาวจีนแดง ไต้หวันหรือฮ่องกง โดยใช้วิธีหลบเลี่ยงในหลายรูปแบบเช่น จดทะเบียนโดยใช้ชื่อคนไทยบังหน้า และเจ้าของเดียวจะจดทะเบียนไว้หลายบริษัท บางกลุ่มมีถึง 6-7 บริษัทเอาไว้เผื่อมีปัญหาถูกปิดกะทันหัน บริษัทเหล่านี้ส่วนมากจะตั้งอยู่แถวถนนรัชดาภิเษกห้วยขวาง และในตึกใหญ่ บนถนนพระราม 9"

"ที่สำคัญบริษัทเหล่าเกือบทั้งหมดล้วนมีทุนสนับสนุนมาจากนายทุนบริษัทร้าน จิวเวลรี่ยักษ์ใหญ่ 2 ค่าย โดยเฉพาะเงินค่าเคบีก้อนใหญ่ที่ต้องไปวางมัดจำไว้กับบริษัททัวร์ประเทศจีน" แหล่งข่าว อดีตประธานชมรมมัคคุเทศก์ภาษีจีน ที่ยึดอาชีพมัคคุเทศก์อยู่ในวงการท่องเที่ยวมากว่า 30 ปีเล่าให้ "ทีมข่าวพิเศษ ผู้จัดการรายวัน" ฟัง

ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายในการนำเที่ยวแต่ละกรุ๊ปทัวร์ จะเต็มไปด้วยปฏิบัติการวิชามาร ชักนำ-หลอกหลวง-ต้มตุ๋น-บีบบังคับ ทุก วิถีทางในการ "รีดเงิน"เพื่อถอนทุนและกอบโกยกำไร จากนักท่องเที่ยวที่ตกมาเป็นเหยื่อ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ให้ควักกระเป๋าออกมาจับจ่ายสินค้าและบริการได้มากที่สุด ตามจุดหรือร้านเป้าหมายที่มีการวางเครือข่ายรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว

โฉมหน้ามาเฟียใหญ่

กลุ่มนายทุน"มาเฟีย" 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ดังกล่าว ข้างต้น คือ 1.กลุ่มเจ้าของร้านจิวเวลรี่ ชื่อบริษัท "ส." อยู่บริเวณถนนพระรามอินทรา ใกล้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ค่ายนี้มีนายทหารใหญ่ระดับยศ "พล.อ." ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

2. กลุ่มเจ้าของร้านจิวเวลรี่ บริษัท "อ" ตั้งอยู่แถบสี่แยกมักกะสัน ถนนศรีอยุธยา เบื้องหลังมี นักการเมืองคนดังแถวสมุทรปราการและผู้มีอิทธิภาค ตะวันออกร่วมเป็นหุ้นส่วนในเครือข่าย พร้อมมีนายตำรวจระดับ "พล.ต.อ." คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง

"นายทุน 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญกำเนิดขึ้นและอยู่ยงคงกระพัน จนทุกวันนี้ เพราะเป็นทั้งแหล่งเงินทุนให้บริษัททัวร์ เป็นเจ้าของเครือข่ายร้านชอปปิ้งเป้าหมายในการรีดเงินจากเหยื่อแล้วแบ่งสันปันส่วนให้กับบริษัททัวร์-ไกด์เถื่อน และเป็นศูนย์กลางอิทธิพลคอยช่วยเหลือปกป้องและเคลียร์ปัญหากับหน่วยงานรัฐของระบบทัวร์ศูนย์เหรียญทั้งหมด"

ช่องทางและรูปแบบในการจัดส่งผลประโยชน์ หรือเรียกกันว่า "ส่วยท่องเที่ยว" ให้กับหน่วยงานที่มี อำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้ำชูให้ระบบนี้อยู่ได้ มีทั้งการหักส่งผ่านบริษัททัวร์ -ไกด์เถื่อนควักจ่ายทันทีในระหว่างนำเที่ยว

การดำเนินการโดยกลุ่มมาเฟีย 2 ค่ายเป็นศูนย์บัญชาการกลาง ซึ่งอยู่ภายใต้เงาอิทธิพลทั้ง "สีเขียว"- "กากี" และนักการเมืองที่อยู่ข้างหลัง เพื่อคอยปกป้อง อำนวยความสะดวก และเคลียร์ปัญหาให้ทันทีทุกรณี เช่น ทัวร์ถูกจับกุม ข้อหาใช้ไกด์เถื่อนนำเที่ยว ,บีบบังคับนักท่องเที่ยวหรือทิ้งทัวร์ กลางคัน
ผ่าเส้นทาง"ส่วยท่องเที่ยว"

การเก็บดอกผล "เม็ดเงิน" อันเป็นผลประโยชน์ก้อนโตที่เกิดจากธุรกิจนำเที่ยวแบบนอก คอก-ไร้ขอบเขตจำกัดนี้ ได้ถูกจัดสรรปันส่วนกันอย่าง ถ้วนหน้าและลงตัว

แน่นอนไม่ใช่การจำกัดอยู่เฉพาะในวงของเหล่า บรรดาบริษัททัวร์-กลุ่มมัคคุเทศก์หรือไกด์(เถื่อน)-กลุ่มนายทุนผู้ประกอบการขายสินค้าและบริการ เท่านั้น ที่สำคัญขาดไม่ได้ คือการต่อท่อส่งไปยังกลไก หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ 2 หน่วยงาน หลัก ที่ควบคุมกำกับดูแลและปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวที่นอกลู่ นอกทาง ตามกฎหมาย อันเป็นที่รู้จักคุ้นเคยและเรียกขานกันในวงการว่า "ส่วยท่องเที่ยว" ซึ่งเมื่อได้ประมวลรูปแบบวิธีการของการส่งและรับส่วยท่องเที่ยวลงลึกในรายละเอียดแล้ว พอจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1. "ส่วยส่งผ่านบริษัททัวร์" เป็นส่วยสามัญที่ขาดไม่ได้
2. "ส่วยรายทาง" เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมเฉพาะหน้า
3. "ส่วยหุ้นส่วนอิทธิพล" ค้ำชูทัวร์ศูนย์เหรียญทั้งระบบ
ค่า OP ส่วยสามัญรายเดือน

สำหรับ "ส่วยผ่านบริษัททัวร์" นั้น บริษัททัวร์เป็นตัวกลางในการจัดเก็บและนำส่งให้ กลุ่มผู้หลัก-ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจวาสนาในหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

"กลุ่มบริษัทที่ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าตลาดจีน ฮ่องกงไต้หวัน รัสเซียหรือประเทศอื่นๆ จะต้องรวบรวมเงินส่งส่วยกลุ่มหน่วยงานรัฐทุกเดือน เงินก้อนนี้บริษัททัวร์จะเป็นผู้จัดเก็บ โดย จะเริ่มเก็บจากกลุ่มไกด์เถื่อนทันทีที่ซื้อหัวนักท่องเที่ยวจากบริษัทกรุ๊ปละ 1,000-1,500 บาท ซึ่งแยกต่างหากจากค่า "OP" หรือ operation ที่ใช้ชื่อเรียกกันให้สวยหรูแต่ความจริงเป็นเงินที่บริษัทจัดเก็บไว้ส่งส่วย นั่นเอง" แหล่งข่าวมัคคุเทศก์ภาษาจีนระดับอาวุโสแจกแจงให้ ทีมข่าวพิเศษ "ผู้จัดการรายวัน" ฟัง

สำหรับอัตราการจ่ายค่า OP นี้ โดยเฉลี่ยทั่วไป แยกเป็นทัวร์ที่นำเที่ยวโดยไกด์เถื่อนจ่ายกรุ๊ปละ 1,000 บาท สำหรับไกด์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจ่าย 500 บาท ต่อกรุ๊ป บางบริษัทได้กำหนดแยกย่อยลงไปอีก คือ กรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยว 1-15 คน จ่าย 500 บาท, 15-25 คน จ่าย 700 บาท และกรุ๊ปทัวร์ 25 คนขึ้นไป 1,000 บาท ส่วนทัวร์ฮ่องกงไม่สนใจว่าจะเป็นกรุ๊ปใหญ่ หรือเล็กจะจัดเก็บอัตราหัวละ 50 บาทเท่ากันหมด

"ค่าOP นี้ทุกบริษัททัวร์ต้องจัดเก็บไว้จ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งเป็นการส่งให้ประจำเดือน และจ่ายมา เป็นครั้งคราวที่ถูกเรียกมาในหลายรูปแบบ เช่น ขอสนับสนุนจัดพิมพ์หนังสือ วารสารหรือนิตยสารต่างๆ เป็นต้น

"ส่วยท่องเที่ยวตัวเลขมันมหาศาล หากคำนวณ คร่าวๆเฉพาะค่า OP ของตลาดจีนในปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างน้อย 15,000 กรุ๊ป คูณ 1,500 บาทเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาทไม่ทราบว่าเงินก้อนหนี้หายไปไหน หาใบเสร็จไม่ได้ ที่เจ็บใจไปกว่านั้นค่าส่วย เหล่านี้เถ้าแก่เจ้าของบริษัททัวร์ไม่ยอมควักกระเป๋าแม้แต่บาทเดียว แต่ผลักภาระมารีดเอาจากไกด์ทั้งหมด คิดดูแล้วกันว่าวงการนี้มันโหดร้ายกับปลาเล็กแค่ไหน"

"เมื่อพูดเรื่องนี้แล้วอดที่จะกล่าวถึงอีกเรื่องไม่ได้ก็คือ ระบบการเก็บค่าใช้จ่ายของสมาคมไทยธุรกิจ ท่องเที่ยวหรือ ATTA ในการอำนวยความสะดวกรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่บริเวณสนามบิน ซึ่งมีการจัดพนักงานทรานสเฟอร์แมน (Transfer Man) มาคอยให้บริการและทำการเก็บค่าบริการราคา 30 บาทต่อนักท่องเที่ยว 1 คน แต่ออกใบเสร็จให้เพียง 16.50 บาท นั้น เป็นคำถามมาตลอดว่าแล้วอีก 10 กว่าบาทที่เหลือหายไปไหน อีกทั้งบริษัททัวร์ต้องจ่ายอีกเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้ถึงเวลาต้องสะสางให้โปร่งใสเสียที รวมถึงปัญหาทรานสเฟอร์แมนที่กลับกลายเป็น กลไกคอยช่วยเหลือกลุ่มมัคคุเทศก์เถื่อนในการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปแล้ว" แหล่งข่าวมัคคุเทศก์คนเดิมเพิ่มเติม
ส่วยรายทางใบผ่านทัวร์นอกลู่

นอกจากส่วยข้างต้นที่ต้องเก็บรวบรวมเพื่อจัดส่งเป็นส่วยสามัญประจำแล้ว ยังมีรายการจ่าย "ส่วยรายทาง" อีกในหลายรูปแบบที่ยากต่อการหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะทัวร์ที่ใช้ไกด์เถื่อนเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ปัญหาลุกลาม หรือ ซื้อเอาความสะดวกผ่านตลอดเป็นที่ตั้งเอาไว้ก่อน

เช่น กรณีทัวร์ที่ใช้ไกด์เถื่อนนำเที่ยวถึงจะมีหรือ ไม่มี "Sitting Guide" หรือ "ไกด์ไม้กันหมา" นั่งมาด้วยก็ตาม หากถูกเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจ สอบจะจ่ายค่าเบิกทางสะดวกทันที อย่างต่ำ 1,000-2,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งปฏิบัติการตรงนี้มักมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ "ไกด์ไม้กันหมา" ในการเจรจาต่อรองและยัดเงิน"ค่าน้ำ"เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

ส่วยรายทาง มีสารพัดรูปแบบที่สามารถเกิดขึ้น ได้ตลอดเวลาระหว่างการนำเที่ยว ดังนั้นยุคก่อนหน้า นี้ไม่นานจึงมีการซื้อขาย "บัตรกันผี" ในหมู่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์กันอย่างกว้างขวางและเป็น ที่ฮือฮามาก

บัตรที่ว่านี้ เป็นนามบัตรของ "ผู้ใหญ่"ของหน่วย งานรัฐ ที่เขียนสลักบริเวณด้านหลังระบุข้อความขอให้ อำนวยความสะดวกลงไป พร้อมลายเซ็นของจริงเสียงจริงของผู้ใหญ่ท่านนั้น

"บัตรกันผีนี้ ทั้งไกด์เถื่อนและไม่เถื่อนต้องซื้อราคาสูงเพื่อพกพาติดตัวเอาไว้ควักแสดงใช้กรณีถูกจับกุมหรือถูกกลั่นแกล้ง ข้อความที่เขียนสลักด้านหลัง เช่น ตำรวจท่านใดจับเพื่อนผมคนนี้ กรุณาให้ความช่วยเหลือด้วย ลงชื่อ ...... หรือ ช่วยอำนวยความ สะดวกให้เพื่อนของผมด้วย ลงชื่อ..... เป็นต้น" แหล่ง ข่าวระดับสูงในชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีน เปิดเผย

นอกจากนี้ยังมี "ส่วยสติกเกอร์" ออกมาซื้อ-ขาย กันอย่างแพร่หลายสำหรับติดกระจกหน้ารถบัสทัวร์นำเที่ยวเป็นใบผ่านทางชั้นดี ไม่ต่างอะไรจากส่วยสติก เกอร์รถบรรทุกที่รับรู้กันทั่วไป

"ไกด์คนไหนแม้จะเป็นไกด์ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ยอมเข้าระบบส่วยนี้จะอยู่ลำบาก มักจะถูกจับตาจ้องเอาผิดจากเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา เช่น ผมโดนมากับตัวเอง ครั้งที่พาลูกทัวร์ลงเรือข้าม ทะเลไปเที่ยวเกาะล้านระหว่างทางลมพัดบัตรไกด์ที่แขวนคออยู่พลิกกลับด้านหลังออกมา แค่ก้าวขึ้นฝั่งได้ไม่เท่าไร ถูกเจ้าหน้าที่จับลากคอไปเสียค่าปรับทันที 500 บาท ข้อหาไม่แสดงบัตร เขาจ้องหาเรื่องเราขนาดนี้ แต่ไกด์เถื่อนกลับปล่อยให้มีอยู่เต็มประเทศ " แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us