"ฮาร์โรว์" โรงเรียน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี จากประเทศอังกฤษ
กำลังจะเป็นโรงเรียนทางเลือกแห่งใหม่ ในเมืองไทย และภูมิภาคเอเชีย
โรงเรียนฮาร์โรว์ ในประเทศอังกฤษ เป็นโรงเรียนประจำ เก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงมาประมาณ
400 ว่าปีโดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2115 ในพระราชินูปถัมภ์ของพระราชินีอลิซาเบธ ที่
1 และมีบุคคลสำคัญของโลกมากมาย ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้เช่น เซอร์ วินสตัน
เชอร์ชิล และบัณฑิต เนรู
และเมื่อเดือนกันยายน 2541 โรงเรียน ที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนานจากถิ่นกำเนิดในประเทศของซีกโลกตะวันตกแห่งนี้
ได้มาเปิดสาขาขึ้นเป็นครั้งแรก ที่เมืองไทย
โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ เมื่อเปิดดำเนินการสอนครั้งแรกนั้น
มีนักเรียนรวมทุกชั้นประมาณ 150 คน โดยโรงเรียนใช้พื้นที่ 2 ชั้น และส่วนสันทนาการของโครงการบางกอกการ์เด้นบนถนนสาทรใต้
และมีทั้งนักเรียนประจำ และไปกลับ รวมทั้งมีนักเรียนหญิงได้ด้วย ในขณะที่ฮาร์โรว์ ที่อังกฤษเป็นโรงเรียนประจำของเด็กผู้ชายเท่านั้น
เปิดฉากปี 2000 กลุ่มผู้บริหารของฮาร์โรว์ ซึ่ง ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล
ประธานคณะกรรมการบริหารโรงเรียน ได้เปิดตัวแถลงข่าวว่าขณะนี้ทางโรงเรียนกำลังเตรียมพัฒนาพื้นที่ประมาณ
700 ไร่ ในจังหวัดปทุมธานี ให้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนแห่งใหม่ โดยใช้เม็ดเงินในการก่อสร้างอีกประมาณ
500 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างให้เสร็จในเดือนกันยายน 2544
โรงเรียนแห่งใหม่นี้ เตรียมรองรับนักศึกษาจาก 450 คน ซึ่งมีอยู่แล้วในปัจจุบันเพิ่ม
1,500 คน โดยสามารถรับนักเรียน เข้าใหม่ได้ถึงปีละ 100 คน และจะสามารถขยายฐานกลุ่มนักเรียนต่างชาติเข้าศึกษาเพิ่มเป็นสัดส่วน
50% และคนไทย ในสัดส่วน 50% จากปัจจุบัน ที่เป็นนักเรียนไทย 75% และเป็นชาวต่างชาติ
25%
การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2543 นี้ และคาดว่าจะเสร็จในเดือนกันยายน
2544 ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น ก็จะกลายเป็นโรงเรียน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางการศึกษาของฮาร์โรว์ในภูมิภาคเอเชีย
และจะมีมาตรฐานเทียบเท่าโรงเรียนฮาร์โรว์ ประเทศอังกฤษทุกประการเนื่อง จากคณะผู้บริหารของฮาร์โรว์
ประเทศอังกฤษ จะเดินทางมาแนะนำ และดูแลด้านมาตรฐานของการศึกษาเป็นประจำทุกปี
ปีละ 3 ครั้ง
โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ ดำเนินการสอนตามระบบการศึกษาของอังกฤษ
ตามมาตรฐาน IGCSE (ระดับ มัธยมต้น) สำหรับเด็กอายุ 15-16 ปี และระดับ A Levels
(ระดับมัธยมปลาย) สำหรับเด็กอายุ 17-18 ปี
เปิดสอนวิชาหลักได้แก่ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมถึงภาษาสากลต่างๆ
ระบบไอที ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดนตรี ศิลปะ พลศึกษา จะเริ่มสอนให้ตั้งแต่เด็กชั้นประถมขึ้นไป
สำหรับเด็กไทยจะต้องเรียน วิชาวัฒนธรรมไทย ประวัติ ศาสตร์ไทย 5 ครั้งต่ออาทิตย์
แต่ถ้าเป็นเด็กต่างชาติจะเรียนวิชาเหล่านี้เพียงแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้น
มีอาจารย์ทั้งหมด 39 คนเป็นชาวต่างชาติ อีก 12 คนเป็นครูคนไทย และผู้ช่วย
ช่วงเวลาการเรียนแบ่งออกเป็น 3 เทอม ส่วนค่าใช้จ่ายของนักเรียนไปกลับ ชั้นอนุบาลหนึ่ง
177,500 บาทต่อเทอม ประถมหนึ่ง 105,000 บาทต่อเทอม ส่วนมัธยมหนึ่ง 113,800
บาทต่อเทอม
สำหรับในปี 2543 เมื่อโรงเรียนแห่งใหม่สร้างเสร็จ มีความพร้อมเรื่องสถานที่เรียน ที่ใหญ่โตโอ่อ่ามากขึ้น
กลุ่ม เป้าหมายของนักเรียนใหม่ จะเปลี่ยนไปเป็นเด็กๆ จากประเทศ เพื่อนบ้าน
เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์
แผนการทั้งหมดนั้น เป็นการตอกย้ำว่าฮาร์โรว์เมืองไทยจะยังคงยืนหยัดต่อไปแน่นอน และยังมีการวางแผนรุกครั้งใหญ่อีกด้วย
โดยไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ที่กำลังผันผวน