บลิส-เทล อ่วมผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุมหัวขายหุ้นทิ้งเกลี้ยง ล่าสุด "IEC" ล้างพอร์ตขายทิ้ง 490 ล้านหุ้น ขณะที่"ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล" ไม่น้อยหน้าขายเฉียด 150 ล้านหุ้น ด้าน"ไลฟ์ ทีวี" ขาย 94.47 ล้านหุ้น บิ๊กไออีซี แจ้งขายทิ้งแค่หวังทำกำไรปูดเห็นสัญญาณหุ้นร่วงหลังแตกพาร์ เตรียมบุ๊กรายได้ 200 ล้านบาทไตรมาส 1/51 "อรรถวิชญ์" ยันแม้โครงสร้างการถือหุ้นเปลี่ยนแต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจ
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทบลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นตลอดระยะเวลาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงวานนี้ (11 มี.ค.) หลังจากบริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 1 บาทเป็นหุ้นละ 0.10 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้จัดการรายวันได้ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นพบว่าราคาหุ้น BLISS ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2550 ซึ่งปิดที่ 5.40 บาทโดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนราคาพุ่งไปสูงสุดที่ 17.20 บาท หรือพุ่งสูงกว่า 218% ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ก่อนที่ราคาในวันแรกที่มีการซื้อขายตามราคาพาร์ใหม่ที่ 0.10 บาท โดยราคาปิดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ราคาปิดที่ 1.57 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดราคาปรับตัวลดลงมาปิดที่ 0.52 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.89% ณ วันที่ 11 มีนาคม 2551 โดยราคาปรับตัวลดลงถึง 1.05 บาท หรือ 66.87% จากราคาปิดวันแรกหลังบริษัทแตกพาร์
นอกจากนี้หากติดตามการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะพบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่ว่าจะเป็น บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC, บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด, นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร, AUDIOVOX CORPORATION, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด, นางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์, นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ต่างพากันขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายงานการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ได้มีการรายงานผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 51 นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร ได้ขายหุ้น IEC จำนวน 16 ล้านหุ้น หรือ 0.50% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.17% มาอยู่ที่ 4.6% ขณะที่เมื่อวันที่ 27 ก.พ.51 AUDIOVOX CORPORATION ได้ขายหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น หรือ 0.2% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.1% มาอยู่ที่ 4.9%
ขณะที่ในวันที่ 6 มี.ค.51 นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ได้ขายหุ้นจำนวน 147,548,000 หุ้น หรือ 4.63% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.88% มาอยู่ที่ 1.2% และบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ขายหุ้นจำนวน 94,477,400 หุ้น หรือ 3% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.29% มาอยู่ที่ 2.29% และเมื่อวันที่ 7 มี.ค.51 บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ได้ขายหุ้นจำนวน 490 ล้านหุ้น หรือ 15.555% ซึ่งเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถือครอง
อย่างไรก็ตาม ในรายการการซื้อขายหลักทรัพย์พบว่าปรากฎชื่อนางสาวอรอนงค์ ชัชวาลวิโรจน์ เข้ามาซื้อหุ้น BLISS ในวันที่ 11 ก.พ. 51 จำนวน 2 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 1.06 บาท, ในวันที่ 12 ก.พ.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท, ในวันที่ 3 มี.ค.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.80 บาท และในวันที่ 6 มี.ค.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.58 บาท
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ได้แจ้งให้ทราบว่าได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดในบมจ.บลิส-เทล จำนวน 490,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 15.55% ของทุนที่ชำระแล้วของบริษัท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 ซึ่งเป็นการขายผ่านระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นบริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า ภายหลังการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวของไออีซี ส่งผลให้ไออีซีไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท และบริษัทไม่มีฐานะเป็นบริษัทในเครือของไออีซีอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้โครงสร้างการถือหุ้นบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด
นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC กล่าวว่า การขายหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถือครองใน IEC ถือว่าเป็นแค่การขายทำกำไรธรรมดาเท่านั้น เหมือนนักลงทุนทั่วไปที่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ต้องขายเพื่อทำกำไร โดยการขายในครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุผลมาจากความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร
ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตหุ้น BLISS มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงจากที่ก่อนหน้าราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งหากไม่มีการขายออกมาอาจจะทำให้บริษัทต้องขาดทุนจึงต้องขายหุ้นที่ถือครองออกมา ซึ่งเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเนื่องจากทำได้ง่ายและค่อยข้างสะดวก ส่วนการทำธุรกิจของบริษัทนโยบายยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"เหตุผลที่เราต้องขายหุ้นทั้งหมดผ่านตลาดหลักทรัพย์เพราะว่าเราเคยมีการเจรจากับผู้ถือหุ้นรายอื่นแล้วแต่ไม่มีใครสนใจที่จะซื้อหุ้นทำให้เราต้องตัดสินใจขายหุ้นในกระดาน"นางสัณฑ์จุฑากล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส1/50 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากมีการบันทึกรายได้จากการขายหุ้น BLISS ประมาณ 200 ล้านบาทเข้ามาด้วย ในขณะเดียวกันแนวโน้มในธุรกิจโทรศัพท์มือถือรวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศค่อนข้างเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้นหลังมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
อนึ่ง ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 3 เมษายน 2550 ประกอบด้วย 1.บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) จำนวน 49,000,000 หุ้น หรือ 15.56%, 2.บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด จำนวน 23,791,700 หุ้น หรือ 7.55%, 3.นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร จำนวน 22,780,500 หุ้น หรือ 7.23%, 4.AUDIOVOX CORPORATION จำนวน 21,000,000 หุ้น หรือ 6.67%, 5.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 16,316,000 หุ้น หรือ 5.18%, 6.นางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ จำนวน 13,933,200 หุ้น หรือ 4.42%, 7.นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล จำนวน 12,168,500 หุ้น หรือ 3.86%
|