Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มีนาคม 2551
หุ้นใหญ่ขายเกลี้ยงBLISS IECรับเละฟันกำไร200ล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บลิส-เทล จำกัด (มหาชน)

   
search resources

Telecommunications
บลิส-เทล, บมจ.




บลิส-เทล อ่วมผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุมหัวขายหุ้นทิ้งเกลี้ยง ล่าสุด "IEC" ล้างพอร์ตขายทิ้ง 490 ล้านหุ้น ขณะที่"ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล" ไม่น้อยหน้าขายเฉียด 150 ล้านหุ้น ด้าน"ไลฟ์ ทีวี" ขาย 94.47 ล้านหุ้น บิ๊กไออีซี แจ้งขายทิ้งแค่หวังทำกำไรปูดเห็นสัญญาณหุ้นร่วงหลังแตกพาร์ เตรียมบุ๊กรายได้ 200 ล้านบาทไตรมาส 1/51 "อรรถวิชญ์" ยันแม้โครงสร้างการถือหุ้นเปลี่ยนแต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจ

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทบลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นตลอดระยะเวลาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงวานนี้ (11 มี.ค.) หลังจากบริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 1 บาทเป็นหุ้นละ 0.10 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้จัดการรายวันได้ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นพบว่าราคาหุ้น BLISS ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2550 ซึ่งปิดที่ 5.40 บาทโดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนราคาพุ่งไปสูงสุดที่ 17.20 บาท หรือพุ่งสูงกว่า 218% ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ก่อนที่ราคาในวันแรกที่มีการซื้อขายตามราคาพาร์ใหม่ที่ 0.10 บาท โดยราคาปิดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ราคาปิดที่ 1.57 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดราคาปรับตัวลดลงมาปิดที่ 0.52 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.89% ณ วันที่ 11 มีนาคม 2551 โดยราคาปรับตัวลดลงถึง 1.05 บาท หรือ 66.87% จากราคาปิดวันแรกหลังบริษัทแตกพาร์

นอกจากนี้หากติดตามการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะพบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่ว่าจะเป็น บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC, บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด, นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร, AUDIOVOX CORPORATION, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด, นางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์, นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ต่างพากันขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับรายงานการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ได้มีการรายงานผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 51 นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร ได้ขายหุ้น IEC จำนวน 16 ล้านหุ้น หรือ 0.50% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.17% มาอยู่ที่ 4.6% ขณะที่เมื่อวันที่ 27 ก.พ.51 AUDIOVOX CORPORATION ได้ขายหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น หรือ 0.2% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.1% มาอยู่ที่ 4.9%

ขณะที่ในวันที่ 6 มี.ค.51 นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ได้ขายหุ้นจำนวน 147,548,000 หุ้น หรือ 4.63% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.88% มาอยู่ที่ 1.2% และบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ขายหุ้นจำนวน 94,477,400 หุ้น หรือ 3% ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงจาก 5.29% มาอยู่ที่ 2.29% และเมื่อวันที่ 7 มี.ค.51 บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ได้ขายหุ้นจำนวน 490 ล้านหุ้น หรือ 15.555% ซึ่งเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถือครอง

อย่างไรก็ตาม ในรายการการซื้อขายหลักทรัพย์พบว่าปรากฎชื่อนางสาวอรอนงค์ ชัชวาลวิโรจน์ เข้ามาซื้อหุ้น BLISS ในวันที่ 11 ก.พ. 51 จำนวน 2 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 1.06 บาท, ในวันที่ 12 ก.พ.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท, ในวันที่ 3 มี.ค.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.80 บาท และในวันที่ 6 มี.ค.51 จำนวน 1 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.58 บาท

นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ได้แจ้งให้ทราบว่าได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดในบมจ.บลิส-เทล จำนวน 490,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 15.55% ของทุนที่ชำระแล้วของบริษัท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 ซึ่งเป็นการขายผ่านระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นบริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า ภายหลังการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวของไออีซี ส่งผลให้ไออีซีไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท และบริษัทไม่มีฐานะเป็นบริษัทในเครือของไออีซีอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้โครงสร้างการถือหุ้นบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด

นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC กล่าวว่า การขายหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถือครองใน IEC ถือว่าเป็นแค่การขายทำกำไรธรรมดาเท่านั้น เหมือนนักลงทุนทั่วไปที่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ต้องขายเพื่อทำกำไร โดยการขายในครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุผลมาจากความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร

ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตหุ้น BLISS มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงจากที่ก่อนหน้าราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งหากไม่มีการขายออกมาอาจจะทำให้บริษัทต้องขาดทุนจึงต้องขายหุ้นที่ถือครองออกมา ซึ่งเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเนื่องจากทำได้ง่ายและค่อยข้างสะดวก ส่วนการทำธุรกิจของบริษัทนโยบายยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

"เหตุผลที่เราต้องขายหุ้นทั้งหมดผ่านตลาดหลักทรัพย์เพราะว่าเราเคยมีการเจรจากับผู้ถือหุ้นรายอื่นแล้วแต่ไม่มีใครสนใจที่จะซื้อหุ้นทำให้เราต้องตัดสินใจขายหุ้นในกระดาน"นางสัณฑ์จุฑากล่าว

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส1/50 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากมีการบันทึกรายได้จากการขายหุ้น BLISS ประมาณ 200 ล้านบาทเข้ามาด้วย ในขณะเดียวกันแนวโน้มในธุรกิจโทรศัพท์มือถือรวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศค่อนข้างเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้นหลังมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

อนึ่ง ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 3 เมษายน 2550 ประกอบด้วย 1.บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) จำนวน 49,000,000 หุ้น หรือ 15.56%, 2.บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด จำนวน 23,791,700 หุ้น หรือ 7.55%, 3.นางสุรีรัตน์ สุพิชญางกูร จำนวน 22,780,500 หุ้น หรือ 7.23%, 4.AUDIOVOX CORPORATION จำนวน 21,000,000 หุ้น หรือ 6.67%, 5.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 16,316,000 หุ้น หรือ 5.18%, 6.นางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ จำนวน 13,933,200 หุ้น หรือ 4.42%, 7.นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล จำนวน 12,168,500 หุ้น หรือ 3.86%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us