|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยรีบาวน์หลัง 1 เดือนรูดไปกว่า 50 จุด โบรกฯชี้ไม่มีอะไรในก่อไผ่แค่สัญญาณทางเทคนิค ย้ำตลาดหุ้นไทยยังลุ้นเหนื่อยหากปัจจัยการเมืองยังอึมครึม เตือนนักลงทุนรายย่อยระวังแรงขายทำกำไร เชื่อหุ้นไทยยังต้องซึมต่อรอปัจจัยใหม่หนุน ระบุต้องรอลุ้นข่าวยุบ"ชาติไทย-มัชฌิชาฯ" 13 มี.ค.นี้ พ่วงข่าวร้ายคตส.ส่งสำนวนเฉือดรมต.ยุครัฐบาล"แม้ว"พัวพันทุจริตหวยบนดิน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (11 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นแม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบในประเทศปกคลุมโดยเฉพาะผลการพิจารณาสอบสวนคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่จะต้องสรุปว่าจะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ชี้ขาดในวันที่ 13 มี.ค.51 ซึ่งหากผลสรุปออกมาในเชิงบวกก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยแต่ในขณะเดียวกันหากผลสรุปออกมาเป็นลบอาจจะมีแรงขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง โดยดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนปิดที่ 819.83 จุด เพิ่มขึ้น 13.18 จุด หรือ 1.63% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 820.77 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 805.48 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,847.65 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 17.69 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 4.55 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 22.25 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นการรีบาวน์ทางเทคนิคหลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลายวันที่ผ่านมาโดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีปรับลดลงไปประมาณ 40-45 จุดโดยดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 805 จุดซึ่งเมื่อไม่หลุดบริเวณ 800 จุดจึงมีแรงซื้อกลับมา ประกอบกับได้แรงหนุนจากดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ประเด็นลบที่ยังปกคลุมตลาดหุ้นโดยเฉพาะประเด็นอนุกรรมการสอบสวนคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ระบุผลการประชุมผลสอบสวนของอนุกรรมการเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องรอการพิจารณาชี้ขาดของกกต.ชุดใหญ่ในวันที่ 13 มี.ค.นี้ โดยเรื่องดังกล่าวแม้ว่าในระยะสั้นอาจทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงไปแต่ในระยะกลางปัจจัยการเมืองปัจจัยที่ยังไม่ชัดเจนจะส่งผลกดดันภาพรวมบรรยากาศการลงทุนต่อไป
สำหรับแนวโน้มในวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ากระตุ้นการลงทุน ประกอบกับอาจจะยังมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยยังต้องติดตามประเด็นทางการเมืองทั้งทั้งพิจารณายุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย และการตัดสินคดีทุจริตการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รวมถึง การพิจารณาคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย รวมถึงคดีที่ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ยื่นฟ้องกรณีพัวพันหวยบนดิน โดยให้แนวรับไว้ที่ 815 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 825 จุด
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค ประกอบกับมีการเข้ามาเก็งกำไรข่าวการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ โดยหลายฝ่ายคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ซึ่งน่าจะส่งผลดีและช่วยกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุน
"ประเด็นการตัดสินคดียุบพรรคนั้นยังมีเวลาอีกหลายเดือนในการพิจารณาเพราะต้องรอเอกสารในการดำเนินการอีกมาก ซึ่งประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้มานานแล้วจึงไม่มีผลต่อจิตวิทยามากนัก"นางสาวปองรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มพื้นฐานดี รวมถึงบริษัทที่มีขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มพลังงาน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 805 จุด แนวต้าน 824-825 จุด
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยรีบาวน์กลับหลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาร่วงเกือบ 15 จุด โดยมีประเด็นสำคัญจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลง 0.75 - 1% ในการประชุมวันที่ 18 มี.ค. นี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่สดใส และแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ จากปัญหาซับไพรม์ที่ยังไม่คลี่คลาย หลังมีข่าวลือว่าสถาบันการเงินหลายแห่งอาจต้องตั้งสำรอง และรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 1/51 ประกอบกับอนุคณะกรรมการสอบยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 4 เสียง แต่ยังไม่เปิดเผยว่ามติเห็นควรอย่างไร โดยเตรียมส่งให้ กกต.ตัดสินในวันที่ 13 มี.ค. นี้ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองถูกชะลอออกไป
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ (11 มี.ค.) ว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งคาดว่าในช่วงนี้ตลาดยังขาดปัจจัยกระตุ้น ในขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์ของมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ ทั้งการตัดสินคดียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของกกต. และตัวเลขดัชนีผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะสะท้อนภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ โดยประเมินแนวรับที่ 805 จุด และแนวต้านที่ 820 - 830 จุด เล่นเก็งกำไรระยะสั้นได้
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน คือ ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบ โดยคาดว่าตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่สหรัฐฯ จะประกาศในคืนวันอังคาร จะเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ซึ่งคงช่วยให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงได้บ้าง รวมทั้งอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาในช่วงนี้ โดยประเมินแนวรับที่ 809-811 จุด แนวต้านที่ 823-825 จุด
|
|
 |
|
|