Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์10 มีนาคม 2551
ตลาดบ้านส่งสัญญาณฟื้นตัวจัดสรรปรับแผนรุกหนักแนวราบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - แลนด์แอนด์เฮ้าส์

   
search resources

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.
Real Estate




สัญญาณบวกการเมืองนิ่ง รัฐเร่งดันเมกะโปรเจกต์ ดอกเบี้ยขาลง ดีเวลลอปเปอร์สบช่องจังหวะซัปพลายหด เปิดแผนลงทุนโครงการแนวราบปี 51 เต็มสูบ

ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมที่กลายเป็นสมรภูมิร้อนของดีเวลลอปเปอร์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลังจากราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดทำลายสถิติจนเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาสู่เทรนด์การซื้อคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบหดตัวลง สะท้อนจากตัวเลขที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน (เฉพาะบ้านจัดสรร) ของปี 2550 เมื่อเทียบกับปีที่ 2549 จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่า บ้านเดี่ยวลดลงมากที่สุดถึง 4.3% เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยทุกประเภท จาก 16,700 หน่วย เหลือ 16,000 หน่วย (ประมาณการ)

เมื่อรัฐบาลชุดใหม่ประกาศเดินหน้าผลักดันเมกะโปรเจกต์เต็มสูบ บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง 0.5-1% ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว ทำให้แผนลงทุนของดีเวลลอปเปอร์หลายรายปรับตัวกลับมารุกตลาดแนวราบอีกครั้ง หลังจากซัปพลายค่อยๆ ถูกดูดซับออกไปจากตลาด ในช่วงที่ดีเวลลอปเปอร์หันไปลงทุนคอนโดมิเนียมอย่างหนักในปีที่ผ่านมา

แลนด์ฯ กว้านซื้อที่ลุยแนวราบ

สำหรับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงจุดยืนเดิมที่จะเน้นหนักในการลงทุนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก แม้ว่าจะถูกมองว่า ตลาดคอนโดมิเนียมที่มาแรงจะส่งผลกระทบต่อผู้นำตลาดบ้านจัดสรรรายนี้หรือไม่ แต่การยกเครื่องรูปแบบการทำตลาดครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ด้วยการรีแบรนดิ้ง ปรับแบบบ้าน พร้อมกับการเจาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นการยืนยันว่า แลนด์ฯ ยังเชื่อมั่นอยู่ตลอดว่า ไม่ว่าภาวะตลาดรวมจะเป็นอย่างไร บ้านเดี่ยวยังเป็นธุรกิจหลักที่เติบโตได้ต่อเนื่อง

ในช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมกำลังมาแรง ทำให้ซัปพลายและคู่แข่งในตลาดบ้านเดี่ยวลดลง จึงเป็นจังหวะที่แลนด์ฯ ที่จะช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์จากคู่แข่งได้ง่ายขึ้น อาศัยเพียงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในแบรนด์ที่แลนด์ฯ มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งอยู่ก่อนแล้ว จนสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์ของปี 2550 ได้สูงขึ้นเป็น 17.3% จากเดิม 15.3%

แนวคิดดังกล่าวบวกกับแผนการลงทุนของแลนด์ฯ แต่ละปีที่มีการลงทุนคอนโดมิเนียมเพียงปีละไม่เกิน 3-4โครงการ และยังคงคอนเซ็ปต์สร้างเสร็จก่อนขาย การรุกเข้าสู่ตลาดทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ “The Terrace” ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาทขึ้นไป และ “Bann Mai” ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาทขึ้นไป สะท้อนว่า แลนด์เห็นเซกเมนต์เหล่านี้เป็นเพียงโอกาสเท่านั้น แต่คงไม่ใช่สินค้าหลักที่แลนด์ฯ จะให้น้ำหนักเต็มร้อย แต่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด แม้จะเป็นตลาดใหม่ที่ในอดีตแลนด์ฯ ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดตอบรับกับสินค้าใหม่ของแลนด์ได้ไม่ยาก

เมื่อมีสัญญาณความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา ทำให้นพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) เชื่อมั่นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะมีการขยายตัวอยู่ในระดับ 5-10% แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้าง ซึ่งแลนด์ฯ เจรจาล็อกราคาวัสดุก่อสร้างต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงยังไม่กระทบต่อราคาขายของโครงการในปีนี้ และคาดว่าแลนด์ฯ อาจจะปรับราคาเพิ่มอีก 2-3% ตามต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้

นพร เปิดเผยว่า ปีนี้แลนด์ฯ จะลงทุนโครงการใหม่รวม 14 โครงการ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 7 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 84.8%, 6.5% และ 8.7% ตามลำดับ โดยยังเน้นที่บ้านเดี่ยวเป็นหลัก ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และโฟกัสไปที่เซกเมนต์ราคา 3-7 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ายอดขาย 21,020 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13.7% จากเดิม 18,481 ล้านบาทในปีที่แล้ว

ภาวะการลงทุนที่ไม่คึกคัก การขยายโครงการจัดสรรลดลง ทำให้ราคาที่ดินนอกเมืองที่ทรงตัว จึงเป็นจังหวะที่ดีของแลนด์ฯ รวมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่อื่นๆ ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินในการกว้านซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการแนวราบ ทั้งนี้แลนด์ฯ ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 3,000 ล้านบาท และจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการในปี 2552

การอัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นในปีที่แล้วของแลนด์ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 30% จากเดิม 31% ซึ่งอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ อธิบายว่า กำไรของปี 2549 ที่สูงกว่า ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้พิเศษจากการขายอาคารเวฟเพลสเข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้เฮ้าส์ แต่หากหักกำไรจากส่วนนี้ออก ยังพบว่าอัตราส่วนกำไรขั้นต้นในปี 2550 ยังเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ความสามารถในการทำกำไรยังสูงสุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับบริษัทมหาชน 8 แห่ง และคาดว่า ในปีนี้อัตราส่วนกำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากค่าใช้จ่ายในการตลาดที่ลดลง หลังจากปูพรมออกสื่อโฆษณาอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้แลนด์ฯ เริ่มรับรู้รายได้จากค่าเช่าผ่านการลงทุนในบริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ร่วมทุนกับ GIC (The Government of Singapore Investment Corporation จากสิงคโปร์ในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และบ้านเช่าระดับไฮเอนด์ ซึ่งใน 2553 จะรับรู้รายได้ค่าเช่าเพิ่มจากโครงการรีเทล และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บนที่ดินบริเวณสี่แยกอโศก-สุขุมวิท มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ทำให้แลนด์ฯ มีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น จากขณะนี้อยู่ที่ 15%

เอ็น.ซี.เน้นบ้านเดี่ยว

สมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) (NCH) เชื่อมั่นว่า ตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยแผนปีนี้จะมุ่งเน้นสินค้าบ้านเดี่ยวมากขึ้นเป็น 68% ในเฟสต่อเนื่องของโครงการเก่า ได้แก่ บ้านฟ้าปิยรมย์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ รวม 760 ยูนิต มูลค่า 760 ล้านบาท และบ้านฟ้าปิยรมย์ เลคแอนด์พาร์ค 2 บ้านเดี่ยว รวม 66 ยูนิต มูลค่า 250 ล้านบาท รองรับโครงการทางด่วนพิเศษเอกมัย-วงแหวนรอบนอกที่จะแล้วเสร็จในอนาคต ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น เอ็น.ซี ได้ปรับสัดส่วนหันมาเน้นบ้านสั่งสร้างมากขึ้นเป็น 47% เพื่อลดความเสี่ยงหากราคาวัสดุปรับตัวสูงขึ้น โดยมุ่งไปที่เซกเมนต์ระดับต่ำกว่า 4 ล้านบาท ที่มีดีมานด์สูงในขณะนี้

พลัสฯ ชูทาวน์เฮาส์แนวคิดใหม่

สำหรับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ที่รุกตลาดคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในแบรนด์ “มาย คอนโด” อย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ก็จะหันมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทาวน์เฮาส์มากขึ้นแทน นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่เริ่มส่งสัญญาณบวกต่อโครงการแนวราบแล้ว ดุษฎี ตันเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ดินในแนวรถไฟฟ้าสำหรับพัฒนาคอนโดมิเนียมเริ่มหาได้ยากขึ้น ในขณะที่ที่ดินสำหรับพัฒนาทาวน์เฮาส์ยังมีมากกว่า รวมทั้งในปีที่ผ่านมา ทาวน์เฮาส์ของพลัสก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี และยังเป็นเซกเมนต์ที่มีดีมานด์อยู่มาก

ล่าสุดพลัสได้ปรับรูปแบบทาวน์เฮาส์ใหม่ โดยอิงจากผลการวิจัยตลาด ต่อยอดจากพื้นที่สวนหลังบ้านขนาดกว้างกลายมาเป็นแนวคิด Flexible Options ให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยของชั้น 2 และชั้น 3 ได้ตามต้องการถึง 7 รูปแบบ ทั้งเล่นระดับและไม่เล่นระดับ เช่น ห้องนอนขนาดใหญ่ทั้งชั้น, ห้องนอน 2 ห้องในชั้นเดียว, สวนบริเวณระเบียงหน้าห้องนอนชั้น 2 เป็นต้น ซึ่งพลัสฯ จะใช้แนวคิดนี้กับทุกโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้

ในปีนี้พลัสฯ มีแผนลงทุนโครงการใหม่รวม 11 โครงการ ได้แก่ ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท เช่น ทาวน์พลัส หัวหมาก และทาวน์พลัส เกษตร-นวมินทร์ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ทั้งปี 7,000 ล้าน มาจากการพัฒนาโครงการ 6,000 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 88% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 3,720 ล้านบาท และเป้ายอดขาย 6,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us