Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์10 มีนาคม 2551
“ดอกบัวคู่”บุกตลาดสบู่ก้อน สเตป 2 เติมภาพผู้นำสมุนไพร             
 


   
search resources

ดอกบัวคู่, บจก.
Marketing
Personal cares




การเปิดฉากถล่มตลาดสบู่ของดอกบัวคู่ ด้วยแคมเปญแจกสร้อยคอทองคำมูลค่าร่วมครึ่งล้าน นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 30 ปีของค่ายนี้ในตลาดสบู่ หลังจากที่ผ่านมา การให้ความสำคัญของการทำตลาดจะยู่ที่ตัวยาสีฟันเป็นหลัก ภายใต้ผู้คุมบังเหียนคนล่าสุด บัณฑิต ลีเลิศพันธ์ ที่ครั้งนี้ วางเป้าการเติบโตของดอกบัวคู่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ต้องขยายตัวมากกว่า 30% และมียอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท

แคมเปญ “อาบผิวสวย รวยโชค กับ สบู่สมุนไพรดอกบัวคู่” ที่แจกสร้อยคอทองคำมูลค่ากว่าครึ่งล้านบาท รวมทั้งรางวัลบัตรที่พัก Twin Lotus resort&spa เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ แม้จะเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่ถือเป็นการทุ่มครั้งใหญ่และครั้งแรกของค่ายนี้ในตลาดสบู่ก้อน ที่ใช้เม็ดเงินเพื่อจัดแคมเปญดังกล่าวรวมกว่า 15 ล้านบาท จากงบการทำตลาดสบู่รวมทั้งปีกว่า 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% โดยมีเหตุผลอยู่ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าดอกบัวคู่ และสยายปีกตนเองเข้าสู่ตลาดสบู่ก้อนอย่างเต็มตัว เพราะที่ผ่านมาแม้ค่ายนี้จะมีสินค้ากลุ่มสบู่สมุนไพรวางจำหน่ายมานานกว่า 30 ปีก็ตาม แต่จากการให้ความสำคัญกับการบุกตลาดยาสีฟันเป็นหลัก ทำให้น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ดอกบัวคู่มีสินค้ากลุ่มอื่นนอกจากยาสีฟัน

“จากการสำรวจพบว่ามีผู้บริโภคเพียง 10-15% ที่รับรู้ว่าดอกบัวคู่มีสินค้ากลุ่มสบู่ด้วย” เป็นคำกล่าวของ ภัคพงค์ ผ่องแผ้ว ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด

สำหรับ แคมเปญล่าสุดที่กำหนดเวลาไว้นานถึง 3 เดือนครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดศึกถล่มตลาดสบู่ก้อน ที่เชื่อว่าสะสร้างแรงสะเทือนให้คู่แข่งได้ไม่น้อย เช่นเดียวกับ ครั้งที่ดอกบัวคู่ เคยส่งแคมเปญแจกทองรวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทุ่มครั้งใหญ่ของดอกบัวคู่ในตลาดยาสีฟัน เมื่อราว 2 ปีก่อน และจากการแจกทองคำตามขนาดของสินค้า ทำให้ตอนนั้นเรียกได้ว่า ดอกบัวคู่ได้สร้างสีสันเขย่าตลาดยาสีฟันให้คึกคักได้มาก อีกทั้งยังเพิ่มแรงจูงใจให้หันมาทดลองใช้ยาสีฟันสีดำๆในแบบระยะยาวได้อีกด้วย ซึ่งหลังจบกิจกรรมดังกล่าวพบว่า การเติบโตและยอดขายในสินค้ากลุ่มยาสีฟันเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

เช่นเดียวกัน ที่ครั้งนี้ บัณฑิต ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอกบัวคู่ คนล่าสุดที่เข้ามารับช่วงต่อจาก ปิติ ลีเลิศพันธ์ ที่ย้ายไปดูแลธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่า แคมเปญดังกล่าวจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี พร้อมผลักดันยอดขายกลุ่มสบู่ให้เติบโตขึ้น 15% และขยับแชร์ขึ้นอีก 1-2%ในสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะลูกค้าดอกบัวคู่ในต่างจังหวัดซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก คิดเป็นสัดส่วน 60% เพราะนอกจากรางวัลต่างๆที่ดอกบัวคู่นำมาจัดกิจกรรมครั้งนี้แล้ว ค่ายนี้ยังได้จับมือกับค่ายเพลงอาร์ สยาม เพื่อจัดฟรีคอนเสิร์ตและกิจกรรมเต็มรูปแบบ 4 แห่ง คือ อุบลราชธานี อุดรธานี ระยอง และนครศรีธรรมราช โดยผู้สนใจสามารถนำกล่องสบู่สมุนไพรดอกบัวคู่แบบใดก็ได้ 4 กล่อง มาลงทะเบียนรับบัตรคอนเสิร์ตได้ฟรี

อย่างไรก็ตาม แม้ดอกบัวคู่จะมีภาพการเป็นสินค้าสมุนไพร และเป็นผู้นำในตลาดยาสีฟันเซกเมนต์สมุนไพรด้วยแชร์มากกว่า 60% แต่เมื่อพิจารณาในตลาดสบู่ พบว่า สบู่ดอกบัวคู่ยังมีส่วนแบ่งที่น้อยมาก หรือแม้แต่จะโฟกัสเฉพาะกลุ่มสมุนไพรที่ถูกเหมารวมอยู่ในเซกเมนต์เพื่อสุขภาพก็ตาม ที่คิดเป็นสัดส่วนราว 30% จากตลาดสบู่ก้อนมูลค่า 3,700 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเพื่อความงาม 60% และสบู่เด็ก 10%

เพราะที่ผ่านมา ดอกบัวคู่มีสบู่สมุนไพรเพียง 1 สูตร คือ สูตรดั้งเดิม กล่องแดง ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งจากการมีสินค้าเพียงสูตรเดียว และยังไม่เน้นทำตลาดเท่ากับตัวยาสีฟัน ทำให้ผู้ใช้ถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มที่ชื่นชอบสมุนไพร หรือกลุ่มผู้ใหญ่ที่รู้ว่าดอกบัวคู่มีสินค้าประเภทอื่นนอกจากยาสีฟัน ดังนั้นเพื่อให้สามารถขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ในปีที่ผ่านมา ค่ายนี้จึงลอนช์สินค้ากลุ่มสบู่สมุนไพรเพิ่มอีก 3 สูตร คือ สูตรอโลเวร่าและอโวคาโด กล่องเขียว, สูตรธัญพืชนานาชนิด กล่องเหลือง และสูตรสมุนไพรขัดผิว กล่องน้ำตาล ที่เน้นจับกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยมีให้เลือก 3 ขนาด คือ 40 กรัม 7 บาท, 70 กรัม 10 บาท และ 100 กรัม 15 บาท

ทั้งนี้ การออกสินค้าสูตรใหม่ไม่เพียงเป็นการเพิ่มความหลากหลาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ทว่า ดอกบัวคู่ยังมีเป้าหมายจะสร้างพฤติกรรมการใช้สบู่ทำความสะอาดผิวกายมากกว่า 1 ก้อน ต่อ 1 ครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวในต่างจังหวัดที่เป็นลูกค้าหลัก โดย ภัคพงค์ อธิบายว่า ครอบครัวในต่างจังหวัดมากกว่า 50% ยังมีพฤติกรรมใช้สบู่ถูตัวก้อนเดียวทั้งบ้าน ดังนั้น การออกสินค้าเพิ่มเป็น 4 สูตร เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกหรือโอกาสให้ 1 บ้านมีสินค้าดอกบัวคู่มากกว่า 1 สูตร สอดคล้องกับการจัดแคมเปญล่าสุดที่ดอกบัวคู่กำหนดกติกาให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต้องนำกล่องสบู่ชนิดใดก็ได้จำนวน 4 กล่อง มาลงทะเบียนหรือส่งชิงโชค ที่เป็นไปได้ว่าลูกค้าอาจทดลองซื้อสูตรใหม่ไปใช้ จากเดิมที่มีสูตรออริจินัลเพียงสูตรเดียว

นอกจาก เป้าหมายการขยายสู่ตลาดสบู่ก้อนอย่างเต็มตัวแล้ว การระเบิดแคมเปญของดอกบัวคู่ในยกแรกนี้ เพื่อประกาศความเป็นผู้นำด้านสมุนไพรในทุกโปรดักส์ ที่ตอนนี้ดอกบัวคู่มีอยู่ 3 กลุ่ม คือ ยาสีฟัน สบู่ก้อน และแชมพู ซึ่งสบู่สมุนไพร คือ ตลาดอันดับ 2 ที่ค่ายนี้ต้องการปักธง เพราะไม่เพียงแต่อัตราการเติบโตกว่า 10% ของเซกเมนต์ดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่าผู้เล่นในตลาดสบู่สมุนไพรจะเห็นว่ายังมีจำนวนไม่มาก และส่วนใหญ่จะเป็นคู่แข่งระดับโลคัลแบรนด์ ชนิดที่เรียกได้ว่า ดอกบัวคู่ดูจะมีความได้เปรียบในการทำตลาดมากกว่า ต่างจากการแข่งขันในตลาดยาสีฟัน ที่ดอกบัวคู่ต้องปะทะกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ อาทิ แบรนด์คอลเกต ของค่ายคอลเกต ปาล์มโอลีฟ แบรนด์ใกล้ชิด ของยูนิลีเวอร์ ที่นิยมเปิดสงครามราคามาถล่มคู่แข่ง

ขณะที่ คู่แข่งในตลาดสบู่สมุนไพรที่เห็นชัดเจนผ่านสื่อตอนนี้ คือ แบรนด์อิงอร สบู่มะขาม ที่ระยะนี้จะเห็นความถี่การยิงสปอร์ตโฆษณาจำนวนมาก จากเดิมที่เน้นประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ หรือการจัดกิจกรรมในแต่ละท้องถิ่นเท่านั้น เพราะรู้กันว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของโปรดักส์เหล่านี้จะเป็นกลุ่มต่างจังหวัด ซึ่งการเลือกใช้สื่อดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าการใช้งบกว่านผ่านสื่อทีวี ซึ่งที่ผ่านมา (ปี 2530 – ปี 2546) ดอกบัวคู่เคยทำรายการของตนเองและซื้อสื่อเพื่อออกอากาศตามคลื่นวิทยุ แต่ได้ยกเลิกภายหลัง เพราะดอกบัวคู่ต้องการรีอิเมจแบรนด์ให้มีความทันสมัย ซึ่งวิทยุเป็นสื่อที่ได้ยินแต่เสียงเท่านั้น ทำให้ยากต่อการสื่อภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ขณะนั้น และดอกบัวคู่ได้หันมาเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด black man ผ่านสื่อทีวีเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว

แม้ว่า ดอกบัวคู่จะหันมาเลือกใช้สื่อทีวีมากขึ้น ทว่า วิทยุ ยังเป็นสื่อสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งค่ายนี้ยังให้ความสำคัญต่อเนื่อง ด้วยการจัดแคมเปญกับวิทยุคลื่นลูกทุ่ง 95 ที่ทำต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 เพื่อรักษาฐานกลุ่มลูกค้าหลัก

และนี่คือ การเปิดศึกรุกครั้งแรกในปีนี้ของดอกบัวคู่ โดยในครึ่งปีหลัง แชมพูสมุนไพร คือ ตลาดต่อไปที่ค่ายนี้หมายจะปักธง โดยบีโลว์ เดอะ ไลน์ ยังเป็นกลยุทธ์หลักที่ค่ายนี้ให้ความสำคัญ ด้วยการเลือกจัดกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ขณะที่ ยาสีฟันก็ยังเป็นสินค้าที่ค่ายนี้ยังเดินหน้า เพื่อรักษาฐานให้แข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัวยาสีฟันสมุนไพร สูตรเค็ม ออกมาสร้างสีสันและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อตอกย้ำภาพการเป็นผู้เชี่ยวชาญความเป็นสมุนไพร พร้อมผลักดันยอดขายสิ้นปีเติบโตขึ้น 10%

แต่ที่น่าสนใจ คงเป็นเป้าหมายยักษ์ ที่ กรรมการผู้จัดการ คนล่าสุดของดอกบัวคู่ วางไว้ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ดอกบัวคู่จะต้องเติบโตมากกว่า 30% สูงสุดเมื่อเทียบกับอดีตที่เคยขยายตัวมากสุดที่ 20% ขณะที่ตัวเลขยอดขายจะต้องแตะที่ 1,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us