อมตะ คอร์ปอเรชัน เผยยอดขายที่ดินไตรมาส 1/51 โต 50% จากงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งมียอดขาย 158.87 ไร่ "วิบูลย์" ระบุปรับราคาขายเพิ่ม 10%
หลังปัจจัยการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ แย้มอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดิน 100 ไร่คาดสรุปได้ไตรมาส2/15 ประกาศทุ่ม 2 พันล้านเตรียมพัฒนาที่ดิน 6 ไร่ ตั้งเป้ายอดขายที่ปีนี้ 1.7 พันไร่ คาดรายได้แตะ 5 พันล้านบาท เล็งเสนอบอร์ด"อมตะ ซัมมิท เรดดี้" ศุกร์นี้คลอดกองทุนอสังหาฯ 1พันล้านบาท
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายที่ดินในไตรมาส1/51เพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาสเดียวกันปี 2550 ที่มียอดขายจำนวน 158.87 ไร่เนื่องจากปัจจัยการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่แบ่งเป็นลูกค้าใหม่ 60% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนอีก 40% เป็นลูกค้าเดิมที่มีการขยายพื้นที่ โดยราคาขายพื้นในไตรมาส1/51 ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% นอกจากนี้ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะขายที่ดินกับลูกค้าจำนวน 20 ราย เพื่อขายที่ดินกว่า 100 ไร่ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะเจรจาเสร็จภายในไตรมาส2/51
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทจะมีการพัฒนาที่ดินเพื่อขายจำนวน 6,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทมีพื้นที่ที่พัฒนาไปแล้วจำนวน 26,000 ไร่ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะขายพื้นที่จำนวน 6,000 ไร่ได้หมดภายใน 3 ปีแต่บนการคาดการณ์ว่าจะต้องไม่เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก โดยในปีนี้คาดว่าจะขายพื้นที่ได้จำนวน 1,700 ไร่ โดยหลักๆจะมาจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่เตรียมเงินจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยประมาณ 2.68 แสนล้านบาท ซึ่งคาดจะมีโรงงานในอมตะเพิ่มเป็น 1,000 โรงงานจากปัจจุบันที่มี 600-700 โรงงาน
“ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,700ไร่ จากปีก่อนนั้นเดิมบริษัทตั้งเป้าไว้ 1,500 ไร่ แต่ก็สามารถขายได้ถึง 1,722.03 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่ดินที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจมา โดยปีนี้บริษัทจะมีการพัฒนาที่ดินอีก 6,000 ไร่ ซึ่งบอร์ดของบริษัทต้องการให้ขายให้ได้หมดภายใน 2 ปี (51-52)แต่ส่วนตัวมองว่าน่าจะขายได้หมดภายใน 3 ปี ”นายวิบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายที่ดินสัดส่วน 70% และรายได้ด้านบริการ 30% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 50 ที่มีรายได้รวม 4,398.63 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,055.04 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายที่ดิน 78% และอีก 22% รายได้จากการบริการ รวมถึงบริษัทยังตั้งเป้าในปี 2553 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้การให้บริการเพิ่มเป็น 50% และขายพื้นที่เหลือ 50% เนื่องจากการที่บริษัทจะมีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจด้านการบริการในนิคมของบริษัทเพิ่มเป็น 50 บริษัท เช่น น้ำ ไฟฟ้า สื่อสาร แลการจัดหาแรงงานจากปัจจุบันที่มีจำนวน 14 บริษัท
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้มีการเปลี่ยนนโยบายการทำธุรกิจในเวียดนามใหม่ เป็นการให้เช่าพื้นที่แทนการขายพื้นที่ เนื่องจากมองว่าจะได้ประโยชน์กว่าจะยังมีสิทธิในที่ดีกว่าการขายพื้นที่ โดยบริษัทหวังที่จะได้รับสิทธิจากรัฐบาลเวียดนามในการบริหารที่ดินจำนวน 700 แฮกเตอร์แต่จะได้มากกว่านั้นหรือเปล่าขึ้นอยู่กับรัฐบาลเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทยังมีการเพิ่มลูกค้าจากยุโรปและอเมริกาเข้ามาลงทุนในนิคมของบริษัทเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในวันศุกร์นี้ (14มี.ค.)บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยซึ่ง AMATA ถือหุ้นในสัดส่วน 51% จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) พิจารณาในการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากบอร์ดอนุมัติก็จะออกกองทุนดังกล่าวได้ภายในไตรมาส2/51 นี้ ซึ่งแม้บริษัทจะมีการขายพื้นที่เข้ากองทุนอสังหาแล้วก็ยังมีสิทธิในพื้นที่ 1ใน 3 และยังเป็นผู้บริการจึงจะไม่ส่งผลเกี่ยวกับนโยบายการบริหาร และยังได้เม็ดเงินเข้ามาลงทุนเพิ่ม
|