เรื่องของการอบรมสัมมนา ความรู้ทางด้านวิทยาการจัดการในยุคนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมปกติของโลกธุกริจในบ้านเราที่มีอยู่แทบทุกวัน
วันละหลาย ๆ รายการจนเกิดกิจการที่ทำธุกริจกับความใฝ่รู้ของคนขึ้นมามากมายหลายแห่ง
ที่ประสบความสำเร็จ าก ที่เอาดีไม่ได้ก็มีไม่น้อย
ปรากฏการณ์หนึ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือ พอนาน ๆ เข้าหัวข้อการอบรมหรือสัมนาก็มักจะวนเวียนซ้ำกันไปมาอยู่ไม่กี่เรื่อง
รวมไปถึงเรื่องวิทยากร ผู้บรรยายที่เป็นดาวดวงเด่นก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน
เปรียบเสมือนธุกริจขายสินค้าที่จับต้องได้ ก็เป็นนักธุรกิจที่มีสินค้าขายกันอยู่ไม่กี่ตัว
ไม่มีการคิดค้นสินค้าใหม่ออกมาตอบสนองตลาดกันบ้างเลย
แต่ในยุคข่าวสาร วิทยาการ ความรู้ คือทรัพยากรสำคัญในการตัดสินใจทั้งในระดับองค์กร
และระดับบุคคล แล้วความต้องการในการบริโภคข่าวสาร ความรู้ ยังอยู่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น
ทำให้ธุกริจนี้คงอยู่ได้
ขณะเดียวกันหัวหน้าคนใหม่ ที่จะเข้ามาก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ถ้าไม่เจาะตลาดหาช่องว่างให้เจอแล้วสร้างสรรค์สินค้าใหม่
ๆ มาเติมช่องว่างนั้นให้เต็มแล้วละก็ยากที่จะเกิดได้
มัลติ ไทเมนชั่น เองก็คิดเช่นนี้ จึงเข้าสู่เวทีด้วยจุดขายใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
แต่มีความต้องการในตลาดแน่นอนสำหรับการบรรยายเรื่อง kotler on marketing
โดย philip kotler ในวันที่ 17-18 มกราคม นี้
นพพร ไพรัตน์ กรรมการผู้จดัการของมัลติไดเมนชั่น พูดถึงธุรกิจของเขาว่าเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการจัดการ
การฝึกอบรมการพัฒนาองค์กร
" ลูกค้าของเราเป็นสสถาบันการเงิน ธุรกิจการบิรการ อุตสาหกรรมไฮเทค
เราไม่ได้ทำในลักษณะที่กว้างมาก เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ใช้เวลาทำกันเป็นปี ๆ "
นพพร อธิบาย
นพพร จบการศึกษาทางด้านบริหารจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมือ่ พศ.2514 แล้วไปเรียนต่อทางด้านการบริหารอุตสาหกรรมที่เนเธอร์แลนด์
พอกลับมาแล้ว เขามารับราชการที่ศูนย์ เพิ่มผลผลิต ซึ่งเป้นหน่วยงานที่ให้บริการการฝึกอบรมแก่เอกชน
ของกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเวลา 4 ปี ก่อนทีจะมานั่งเก้าอี้ผู้จัดการฝึกอบรมของสมาคมจัดการธุกริจแห่งประเทศไทยอีก
10 ปี พร้อมๆ กับเข้าเป็นนักศึกษาปริญญาโทการบริหารรุ่นแรกของศรินทร์
ปี 2524 สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทยเชิญ Philip Kotler มาพูดเรื่อง
marketing in the changing economy ให้นักธุกริจฟัง จาก จุดนี้นพพร ได้รู้จักกับ
kltler และได้มีการติดต่อกันตลอดมา
เอ่ยชื่อ philip Kotler สำหรับแวดวงนักธุกริจและผู้ใฝ่ แสวงหาวิทยาการการบริหารธุกริจในบ้านเรา
แล้วน้อยคนที่จะไม่รู้ว่าเขาคือใครเเละมีฐานะเช่นไรในสังคมธุรกิจของโลก
PHILIP KOTLER ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอกทัตคะทาง
ด้านการตลาดคนหนึ่งของโลกKOTIER ทำมาหากินด้วยการขายความรู้
ความคิดของตนให้กับองค์กรต่างๆในโลกธุรกิจ เขาเป็นศาสตราจารย์ทางด้านการตลาดระหว่างประเทศอยู่ที่
J.L. KELLOGG GRADUATE SCHOOL of ANAGEMENT เป็นโรงเรียนบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทอร์น
สหรัฐอเมริกาซึ่งนิตรยาสาร BUSINESS WEEK ได้ทำการสำรวจแล้วยกย่องให้เป็นโรงเรียนบริหารธุรกิจที่ดีที่สุดในอเมริกา
นอกจากนั้นเเล้ว งานหลักของเขาคือ เป็นที่ปรึกษาทางด้านยุทธศาสตร์ เเผนการการตลาดให้กับบริษัทใหญ่ๆในอเมริกา
และยุโรป อย่างเช่นไอบีเอ็ม เอทีแอนด์ที เจเนรัล อิเล็คทริค อันนี่ เวลล์
และสายการบินเอส เอเอส เป็นต้น
สำหรับคนที่ไม่มีปัญญาเป็นลูกค้าใช้บริการให้คำปรึกษาหารือจากเขาโดยตรง
ก็ยังมีโอกาสรับรู้ว่าเขาคิดอย่างไร จากความเป็นนักเขียนของเขา ที่เขียนตำรับตำรา
หนังสือทางด้านการตลาดออกมาหลายเล่ม รวมทั้งบทความมากว่า 80 ชิ้น ในวารสารชั้นนำต่าง
ๆ ของโลก ผลงานเล่มหนึ่งของเขา คือ marketing management analysis planning
and contro เป็นเหมือนคัมภีร์ ทางการตลาด ซึ่งใช้เป็นตำราเรียนในดรงเรียนบริหารธุรกิจเกือบทุกแห่งที่มีอยู่ในดลกนี้
ในดลกปัจจุบัน ที่ข้อมูลข่าวสาร ความรู้คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการผลิต
ความคิดเห็นของ kotler จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องฟัง อย่างน้อยถ้าไม่ฟังเพื่อเอาไปใช้โดยตรงก็จะได้รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปปถึงไหนแล้ว
หัวข้อที่ kotler จะมาพูดในครั้งนี้ เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีทางการตลาดที่สอดคล้องกับสสถานการณ์ใหม่ของโลกธุรกิจในปัจจุบันและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ความยากลำบากของการจัดสัมมนาหรือการบรรยาย โดยนักวิชาการหรือนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงจากสายสัมพันธ์ที่ต้องมีกับตัวผู้บรรยายในระดับหนึ่งแล้ว
ก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว ถ้าไม่ใช่หน่วยงานที่ป็นสถาบันหรือสมาคมที่ไม่หวังผล
เรื่องกำไรแล้ว ก็ยากที่จะรับภาระนี้ได้ แม้แต่ศศินทรค์ ซึ่งมีเงินทุนอุดหนุนแน่นหนา
และเคยเชิญ kolter มาพูดเมื่อสามปีที่แล้ว ผู้บริหารบางคน ก็ยังคงเปรย ๆ
ว่า ต้องใช้เงินมากเหลือเกิน
สำหรับการมาครั้งนั้น มัลติไดเมนชั่น ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ค่าที่พัก และการอำนวยความสะดวกให้กับ kolter และภรรยาตลอเวลาที่อยู่ในเมืองไทย
" ทุกอย่างต้องชั้นหนึ่งหมด" นพพร กล่าว
ค่าใช้จ่าย อีกส่วนหนึ่ง คือต่าตัวของ kolter เองซึ่งนพพร เปิดเผยเพียงว่า
เป็นตัวเลขเจ็ดหลัก มัลติไดเมนชั่น เก็บค่าเข้าฟัง สำหรับรายการทั้งสองวัน
เป็นเงินคนละ 18,500 บาท ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เมื่อจำนวนที่นั่งกำหนดไว้ประมาณ
150 ที่ ถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว จากผู้สนใจที่เป็นผู้บริการระดับสูงทั้งไทยและต่างประเทศ
ความสำเร็จของมัลติไดดเมนชั่น ครั้งนี้ น่าจะบ่งบอกได้ว่า ตลาดการจัดอบรม
สัมมนา ในไทยมีความต้องการโปรแกรมที่ผู้บรรยายเป็นนักคิด นักวิชาการต่างประเทศที่มีชื่อเสียงอยู่
แม้ราคาจะสุงเพียงไหน ก็ยังสู้ และน่าจะเป็นลุ่ทางใหม่ของธุรกิจอบรม สัมาในการเจาะตลาดใหม่ๆได้