Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2543
เดช บุลสุข กับโลกแห่งดนตรี             
 


   
search resources

เดช บุลสุข




"My Love" เพลงหนึ่งในอัลบั้ม "River Of King " ของเดช บุลสุข หมายถึงภรรยาคนสวย "พณิตา" และลูกชายคนเดียว "ภาสวัฒน์" ดัง ที่เห็นในภาพ

เสียงเพลง ที่กระหึ่มก้องกังวานภายในห้องแกรนด์ บอลรูม ของโรงแรมเซ็นจูลี่ปาร์คในค่ำวันหนึ่ง หากผู้ที่บรรเลง เปียโนร่วมกับวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพนั้น เป็นนักดนตรีท่านอื่น ความไพเราะ ที่บังเกิดขึ้นอาจจะไม่น่าแปลกใจนัก แต่เป็นเดช บุลสุข นักธุรกิจชื่อดัง ผู้ร่วมทุนของแมคโดนัลด์ คอร์ปอเรชั่น กิจการร้านอาหาร ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก และเป็น ตลาดอาหารฟาสต์ฟูด ที่กำลังทำสงครามการแข่งขันอย่างดุเดือดในเมืองไทย

ช่วงเวลา ที่เดชทำซีดีอัลบั้มชุด "สายน้ำแห่งราชันย์" (River of King) เป็นเวลาเดียวกับ ที่ผู้บริหารของบริษัท แมคไทย กำลังระดมมันสมองเตรียมวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการเข็นสินค้าตัวใหม่คือ "แมคคริสปี้" ออกมาโดยยอมทุ่มงบเม็ดเงินในการโฆษณาให้กับงานนี้ชิ้นเดียวถึง 50 ล้านบาท ด้วยเป้าหมาย ที่จะช็อกตลาดไก่ทอดทุกยี่ห้อในเมือง ไทย เพื่อหวังผลครองความเป็นเจ้าตลาดอาหารฟาสต์ฟูดอย่างแท้จริง

การแข่งขัน ที่ดุเดือดบนเส้นทางของธุรกิจหลัก กับความไพเราะอ่อนหวานบนถนนสายดนตรี ที่เขารัก ไม่น่าจะบรรจบพบกันได้ แต่เป็นเรื่อง ที่เขาทำได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ

เดช เริ่มเล่นเปียโนครั้งแรกเมื่ออายุ 8 ขวบด้วยการเคี่ยวเข็ญของมารดาในระยะแรก แต่ต่อมาเขาก็เกิดความรัก และหลงใหลกับเสียงเพลงอย่างจริงจัง และได้มีการพัฒนาฝีมือขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งได้มีโอกาสแสดงความสามารถ ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 13 ขวบ ในรายการโทรทัศน์ยอดนิยม "มาลัยลอยวน" ของพิชัย วาศนาส่ง ผู้เป็นเจ้าของรายการ และเป็นบุคคลหนึ่ง ที่ให้กำลังใจเดชในเรื่องของการเล่น เปียโน และแต่งเพลงมาจนถึงปัจจุบัน

พอย่างเข้าช่วงวัยรุ่นเขาก็เริ่มแต่งเพลงเอง และเมื่อ อายุ 18 ปี ครั้ง ที่ยังศึกษาอยู่ ที่นิวพอร์ทบีช สหรัฐอเมริกา ในฐานะนักเรียนทุน AFS เขาได้แต่งเพลง และอัดแผ่นเสียงขาย เพื่อนำรายได้สมทบทุนให้กับโครงการ AFS กิจกรรมในเรื่องนี้ได้รับตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แอลเอไทม์ เมื่อปี พ.ศ.2511 และในเวลาต่อมาในฐานะนักศึกษา คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาก็ได้ก้าวไกลไปอีกขั้นหนึ่งในเส้นทางดนตรี ด้วยการคว้ารางวัลประพันธ์เพลงยอดเยี่ยม

หลังจากนั้น ด้วยภาระอันหนักในตำแหน่งผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทโกดักประเทศไทย จนมาเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดวรเดช จนก้าวมาเป็นประธานกรรมการ บริษัทแมคไทย จำกัด ทำให้เดชจำต้องห่างเหินจากถนนสายดนตรี ที่เขารักไปเป็นเวลานาน เพื่อทุ่มเวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ จนกระทั่งเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเริ่มจับเปียโน และหันมาประพันธ์เพลงอีกครั้ง แต่ก็ เพื่อในโอกาสพิเศษเท่านั้น เช่นในงานพบปะผู้บริหารระดับสูงฃองแมคโดนัลด์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบข่าวว่ามีการแสดงละคร หรือดนตรีดีๆ ไม่ว่าจะอยู่ ที่ไหน หากมีโอกาสเขาก็จะต้องหาโอกาสไปฟังเสมอ และหากวันไหนนึกครึ้มเป็นพิเศษ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอันเคร่งเครียดของบริษัทแมคไทย พนักงานส่วนหนึ่งก็อาจโชคดีได้รับเชิญจากเดชให้แวะไปฟังเขาเล่นดนตรี ที่บ้านหรือคอนโดใกล้ ที่ทำงานบ้างเหมือนกัน ถึงจะไม่บ่อยนักก็ตาม

ส่วนจุดเริ่มต้นของงานเพลงชุดนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง วิทยา ตุมรสุนทร ผู้จัดการวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพได้แวะไปหาคุณเดช ที่บ้าน เพื่อไปติดต่องานเกี่ยวการทำโปรโมชั่น ร่วมกับบริษัท แมคไทย แล้วได้บังเอิญไปเห็นอัลบั้มรูปของเดช ขณะที่กำลังเล่นคอนเสิร์ต ที่อเมริกา ครั้งนั้น เป็นครั้งแรก ที่วิทยารู้ว่าเดชเล่นดนตรีเป็น ต่อมาเมื่อเขามีโอกาสได้ฟังฝีมือการเล่นเปียโน เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากว่า นักธุรกิจ ที่มีชื่อเสียงคนนี้เล่นดนตรีได้ดีราวกับเป็นมืออาชีพทีเดียว แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา และไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นกันได้ง่ายๆ นัก ทำอย่างไร ที่จะให้แบ่งปันความไพเราะนี้ให้คอดนตรีท่านอื่นได้ฟังโดยทั่วถึงกัน คือ สิ่งที่เขาคิด

บุคคลแรก ที่วิทยานึกถึงก็คือ ชาร์แดด โรฮานี (Shardad Rohahi) วาทยกรหนุ่มชาวอเมริกัน ที่ได้รับเชิญมาร่วมกับวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพอยู่บ่อยครั้ง และเป็นคนที่ได้รับการยอมรับอย่างมากท่านหนึ่งในวงการดนตรีปัจจุบัน ชาร์แดด ศึกษาวิชาการดนตรี ที่กรุงเวียนนา เคยได้รับรางวัลสำคัญๆ มากมายทั้งในยุโรป และอเมริกา เช่นทุน GEMA ที่กรุงเวียนนา และทุน ASCAP ที่นครลอสแองเจลิส

ผลงาน ที่มีชื่อเสียงของเขาเช่น เป็นผู้อำนวยการเพลงอัลบั้ม Yanni Live at the Acropolis ที่ประเทศกรีซ ซึ่งงานชิ้นนี้เฉพาะซีดีอย่างเดียวขายได้ถึง 8 ล้านก๊อบปี้ และผลที่ตามมาอีกก็คือ ใครก็ตาม ที่ได้ฟังเพลงชุดนั้น ก็อยากไปเที่ยว ที่เมือง Acropolis ซึ่งมองในแง่การส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้วจะได้ผลอย่างมากเช่นกัน

หลังจากนั้น ก็มีการคุยกันว่าน่าจะทำเป็นแผ่นซีดีเพลงขึ้นมา เดชก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษา ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เขาให้ความนับถือมานาน ก็ได้รับการแนะนำว่าควรจะเป็นการทำเพลง เพื่อเอารายได้ส่วนหนึ่งถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เลยเป็นที่มาของอัลบั้มชุดนี้

อัลบั้ม "สายน้ำแห่งราชันย์" มีเพลงไพเราะ 9 เพลง จากการประพันธ์ของเดช เรียบเรียงเสียงประสาน และอำนวยเพลงโดยชาร์แดด โรฮานี และบรรเลงโดยวงดุริยางค์ซิมโฟนี กรุงเทพ และด้วยหน้าที่การงาน ที่รัดตัวดังกล่าวแล้วทำให้เวลาว่าง ที่เดชทุ่มเทให้กับซีดีชุดนี้ได้ รวมทั้งการเจอ เพื่อนฝูง หรือบรมจารย์ท่านต่างๆ ด้านเพลงได้ก็ต้องเป็นเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หรือตอนพระจันทร์ขึ้นเท่านั้น เดชเล่าว่า

ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาประมาณตี 1-ตี 4 เพราะแน่นอน มันใช้เวลางานไม่ได้ไม่มีสมาธิ อาจจะได้บ้างในช่วงเ ที่ยงๆ แต่เวลาว่างจริงๆ ก็ประมาณช่วงนั้น ทำอยู่ประมาณ 4 เดือน สำหรับ 4 เพลงหลัก จำได้ตอนนั้น เหนื่อยกันมากแต่ต้องการให้ออกมาก่อนปีใหม่ เพลง ที่ 2 วันเสร็จมีอยู่ เพลงเดียวคือ Big Q เพลง ที่นานที่สุดก็คือ Rhythm of Crisis เริ่มแต่งตั้งแต่ลดค่าเงินบาท จนเงินบาทเข้า ที่ก็ยังแต่งไม่เสร็จ และมีอยู่ประมาณ 5 เพลง ที่แต่งตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ คือ เมื่อประมาณอายุ 18 เช่น Mystery Between Us เพลง ที่แต่งใหม่ก็คือ บุญตา สายน้ำแห่งราชันย์ แล้วก็ My Love มีอยู่ประมาณ 4-5 เพลง ที่แต่งใหม่เมื่อประมาณ 7-8 เดือนที่ผ่านมา

พอผมทำเพลงเสร็จผมก็ได้ไปปรึกษาพี่เทวัญ ทรัพย์แสนยากร เราสองคนเสร็จงานประจำก็ประมาณเ ที่ยง เ ที่ยงคืนนะครับไม่ใช่เ ที่ยงวัน พี่เทวัญ ไปบ้านผม นั่งฟังเพลงกันจนถึงตี 4 ผมก็ถามตรงๆ ว่าใช้ได้มั้ย ซึ่งคุณเทวัญก็ตอบว่าชอบ"

ส่วนท่านอื่นๆ ที่เขาได้ไปเล่นให้ฟัง และถามความเห็น เพื่อขอคำติชม และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองก็มีหลายคนเช่น สตีฟ อลังการ เจ้าของอำนวยการสถาบันดนตรี Graceland พิชัย วาศนาส่ง รวมทั้งดร.จิรายุ ซึ่งเดชได้ไปเล่นให้ท่านฟัง ที่บ้านหลายครั้งมากจนเชื่อว่าท่านสามารถจำเพลงพวกนี้ได้หมดแล้ว

"ด้วยความ ที่ไม่ค่อยมีเวลาบางครั้งผมก็เล่นเปียโนให้คุณชาร์แดดฟังทางโทรศัพท์ คุณชาร์แดดเขาก็จะฟัง แล้วก็ช่วยบอกเรื่องตัวโน้ต ลงเรคคอร์ด และลองเล่นเอง พอเสร็จก็ต่างคนต่างเล่นผมก็เล่นเพลงผมมา เขาก็เล่นไปทางโทรศัพท์ แต่วิธีนี้ไม่บ่อยนะ" เดชเล่าให้ฟังอย่างมีความสุข

อัลบั้มชุดนี้ ได้มีการถ่ายทำเป็น วิดีโอเก็บไว้ด้วย โดยความเอื้อเฟื้อจาก ภราเดช พยัฆวิเชียร ผู้ว่าการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย โดยจะมีภาพของประเพณีไทยเป็นแผ่นภาพซ้อนขึ้นด้านหลัง ซึ่งกัปตันสอาด ศบศาสตราศร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทการบินไทย จำกัด ได้ยืนยันว่า ธรรมนูญ หวั่งหลีได้อนุมัติให้นำเอาแผ่นซีดีแผ่นนี้ไปเปิดบนการบินไทยทุกเครื่องทุกไฟต์ แล้วได้สั่งซื้อไปแล้วจำนวนหนึ่งแล้ว เพื่อแจกผู้โดยสารชั้นเฟิสต์คลาส และบิสซิเนสคลาส โดยในระยะแรกจะแจกให้กับผู้โดยสาร ที่ขึ้นนั่งในเครื่องบิน ที่มีสัญลักษณ์ของการเพนต์เรือพระ ที่นั่งสุพรรณหงส์เพียง 2 ลำก่อน

ก็เป็นที่หวังกันว่า อัลบั้มชุดนี้น่าจะขายดีเช่นเดียวกับแมคโดนัลด์ หรืออาจจะขายได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ขนาดลูกค้ารายแรกคือ ประธานบริษัทเนสท์เล่ ที่แวะไปหาเดช ที่บริษัทใน วันที่พนักงานเอาอัลบั้มชุดนี้มาส่งยังขอซื้อยกกล่องไปเลย และในขณะที่เทปยังไม่เสร็จ สงกรานต์ อิสสระ ก็ยังสั่งไป 100 แผ่น เพื่อนำไปแจกพนักงาน แต่วันรุ่งขึ้นสงกรานต์ยังต้องสั่งเพิ่มอีก 400 แผ่น เพราะไม่เพราะคิดดูกันเอง เดชย้ำว่าหาซื้อได้ ที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขา โดยมีอีเอ็มไอจัดจำหน่าย ตามร้านชั้นนำทั่วไป

ในวันแถลงข่าวเปิดอัลบั้ม เดชเลือกเล่นเปียโนเพลง "My Love" ให้แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนฟัง ก่อน ที่จะเล่นเขาได้กล่าวว่าเพลงนี้ขอมอบให้ "แพท" กับ "เพพ" ซึ่งหมายถึงภรรยา และลูกชายคนเดียว ที่มานั่งฟังอยู่ด้วย ทำเอาอีกหลายคนพลอยมีความรู้สึกตื้นตันไปด้วย ก่อน ที่จะลาจากกันไปพร้อมๆ กับความดื่มด่ำในเสียงดนตรี ที่ยังไม่จางหาย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us