ไฟแนนเชียลไทมส์/วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชีย/เอเจนซีส์ - ราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบสิบปีเมื่อวันอังคาร(4) ภายหลังนักวิเคราะห์ของเมอร์ริลลินช์ทำนายว่า กิจการธนาคารและบริการทางการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯแห่งนี้ จะต้องตัดขาดทุนเพิ่มอีก 18,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกนี้ นอกจากนั้น ยังมีบิ๊กบอสกิจการเพื่อการลงทุนของดูไบ ออกมาพูดอีกว่า บรรดากองทุนภาครัฐในตะวันออกกลาง คงไม่สามารถช่วยแบงก์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯแห่งนี้ให้ปลอดภัยได้ หากไม่มีเงินสดอัดฉีดเพิ่มเข้ามาจากแหล่งอื่นๆ
ข่าวเหล่านี้ทำให้หุ้นซิตี้กรุ๊ปตกลงมากว่า 7% ระหว่างการซื้อขายตอนช่วงเที่ยงวันของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก โดยมาอยู่ที่ราคาหุ้นละ 21.29 ดอลลาร์ จัดว่าต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน 1998 ถึงแม้จะกลับกระเตื้องขึ้นได้บ้าง จนปิดตลาดที่ 22.10 ดอลลาร์ ลดลงจากวันก่อน 4.3%
การเซซวดลงมาอีกของหุ้นตัวนี้ ซึ่งได้สูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้วในรอบปีที่ผ่านมา กำลังเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ วิกรัม ปัณฑิต ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นซีอีโอของซิตี้กรุ๊ปเมื่อไม่นานมานี้เอง ให้ต้องรีบเสนอแผนการเพื่อพลิกฟื้นโชคชะตาของยักษ์ใหญ่วอลล์สตรีทรายนี้
ไฟแนนเชียลไทมส์อ้างบุคคลที่ใกล้ชิดสถานการณ์บอกว่า ยุทธศาสตร์ของปัณฑิต ที่คาดหมายกันว่าจะมีการเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อไป น่าจะต้องมีการตัดลดพนักงานลงราว 25,000 คน จากกำลังแรงงาน 370,000 คนซึ่งซิตี้กรุ๊ปมีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนจะต้องตัดลดพวกธุรกิจซึ่งไปไม่ค่อยไหว
ราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปวันอังคาร ถูกกระหน่ำอย่างแรงจากข่าวที่ว่า กาย โมซโควสกี้ นักวิเคราะห์ของเมอร์ริลลินช์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งรายหนึ่งของซิตี้กรุ๊ปในวอลล์สตรีท ได้เขียนในรายงานส่งถึงลูกค้าว่า การที่ตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯทั้งในภาคที่อยู่อาศัยและภาคการพาณิชย์ ยังคงทรุดตัวต่อไปไม่หยุด จะทำให้ผลประกอบการของซิตี้กรุ๊ปขาดทุน 1.66 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสแรกนี้
แม้นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทส่วนใหญ่กำลังทำนายว่า กิจการแบงก์และบริการทางการเงินยักษ์ใหญ่แห่งนี้ จะทำกำไรได้พอประมาณในช่วงมกราคม-มีนาคมปีนี้ แต่โมซโควสกี้กลับคาดหมายว่า ซิตี้กรุ๊ปจะต้องยอมตัดขาดทุน 15,000 ล้านดอลลาร์ จากพันธะทางตราสารหนี้ที่อิงซับไพรม์และตราสารการเงินประเภท CDOs ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 37,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังจะต้องตัดขาดทุนอีก 3,000 ล้านดอลลาร์ จากเงินกู้ที่ปล่อยไปเพื่อให้ไปซื้อกิจการ ตลอดจนเงินกู้ด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
ในไตรมาส 4/2007 ซิตี้กรุ๊ปก็เพิ่งรายงานว่า ต้องตัดขาดทุนมากกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ผลประกอบการอยู่ในสภาพขาดทุนเป็นจำนวน 9,830 ล้านดอลลาร์
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรายงานข่าวจากดูไบว่า ซาเมียร์ อัล อันซอรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) ของ ดูไบ อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล ซึ่งมีเงินทุนราว 13,000 ล้านดอลลาร์ ได้บอกกับผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาว่าด้วยการลงทุนที่ดูไบว่า เพียงแค่ความพยายามร่วมมือกันของ อาบูดาบี อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี้, คูเวต อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี้, และเจ้าชายอัลวาลีด บิน ตอลัล เจ้าชายนักลงทุนชาวซาอุดีอาระเบีย ยังไม่เพียงที่จะช่วยให้ซิตี้กรุ๊ปอยู่รอดปลอดภัยได้
แม้กองทุนของเขาไม่ได้ร่วมส่วนเข้าไปถือหุ้นซิตี้กรุ๊ปด้วย แต่อันซอรีก็กล่าวว่า หลังจากซิตี้กรุ๊ประดมเงินเพิ่มทุนจำนวน 14,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว โดยที่ส่วนหนึ่งได้มาจาก อาบูดาบี อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี้ และ คูเวต อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี้ "มันยังจะต้องใช้เงินทองอีกมากมายเพื่อกอบกู้ซิตี้กรุ๊ป" เขาบอก
ทางด้านโฆษกซิตี้กรุ๊ปกล่าวในวันเดียวกันว่า บริษัทจะไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับ "ข่าวลือในตลาด" แต่โฆษกก็หยิบยกความคิดเห็นเมื่อกลางเดือนมกราคมของ แกรี คริตเทนเดน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซิตี้กรุ๊ปที่บอกว่า ทางแบงก์ระดมเงินสดมาได้จนพอเพียงแก่ความจำเป็นแล้ว และจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นในระดับต่างๆ ได้
รองประธานเฟดเตือนแบงก์ยังจะตัดขาดทุนกันอีก
โดนัลด์ โคห์น รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาอเมริกันในวันอังคาร โดยเตือนว่า ภาคการเงินกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองไปข้างหน้า พวกบริษัทโฮลดิ้งของกิจการแบงก์จะต้องประสบกับเงื่อนไขทางการตลาดที่ท้าทาย รวมทั้งพบกับแรงกดดันอันทำให้รายได้ลดต่ำลง จึง "น่าที่จะ" มีการประกาศหั่นลดขาดทุน แถลงตัดมูลค่าสินทรัพย์ที่ครอบครองอยู่ลงไปอีก
รองประธานเฟดคาดหมายว่า พวกแบงก์ใหญ่ๆ "ยังจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" เพื่อก้าวให้ผ่านพ้นปัญหาความตึงตัวของภาคที่อยู่อาศัย และเพื่อทำให้ตลาดการเงินฟื้นตัวขึ้นมาได้ใหม่
แต่แม้ "ระบบธนาคารของสหรัฐฯกำลังเผชิญอุปสรรคท้าทายอยู่บ้าง ทว่ายังคงอยู่ในภาวการณ์โดยรวมที่มั่นคง โดยเข้าสู่ระยะเวลาแห่งความปั่นป่วนผันผวนทางการเงินเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยฐานะเงินทุนอันมั่นคงและรายได้ที่เข้มแข็ง" โคห์นยืนยัน
|