Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มีนาคม 2551
ฝรั่งกระหน่ำทิ้งหุ้นไทย การเมือง-ซับไพรม์ไม่จบ             
 


   
search resources

สมบัติ นราวุฒิชัย
Stock Exchange




นายกสมาคมโบรกฯ งงหลังต่างชาติกระหน่ำขายหุ้น ระบุเท่าที่รู้มีเพียง 2-3 กองทุนเท่านั้น เปรยอาจจะมีการขายเพิ่มอีกเร็วๆนี้ โดยยอดฝรั่งขายผ่านบล.ไทยพาณิชย์มากสุด ด้านสมาคมบล.เผยผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดภายใน 1 เดือนค่าเงินบาทแข็งแตะ 30.80 บาท "สมบัติ" ระบุหุ้นไทยไม่ตอบรับยกเลิกมาตรการ30%-แผนกระตุ้นศก.เหตุรับรู้มานานแล้ว ขณะที่บล.ทรีนิตี้ คาดระยะสั้นดัชนีจ่อหลุด 800 จุด ยังเชื่อตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนระบุ 4 ปีที่ผ่านมารีเทิร์นแค่ 16%

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (5 มี.ค.) ตลาดหุ้นไทยยังถูกปกคลุมด้วยปัจจัยหลายเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจนโดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาคดีทุจริตการเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งจะมีการแถลงคำตัดสินในสัปดาห์หน้า รวมถึงการพิจารณาคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน

ขณะที่ความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนทำให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศเริ่มขายหุ้นที่ถือครองเพื่อเปลี่ยนไปถือครองเงินสดมากขึ้น ส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยรวมถึงตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาปิดที่ 824.98 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือ 0.77% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 830.73 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 823.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,345.41 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,539.29 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 48.83 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,588.12 ล้านบาท

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่าจากการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ถึงผลของการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% โดยส่วนใหญ่ 80% เห็นด้วยในการยกเลิกมาตรการ 30% ขณะที่15% ไม่เห็นด้วย และอีก 5 %ไม่มีความเห็น

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ 60% เห็นว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และจะมีเงินทุนไหลเข้ามากขึ้นจากบรรยากาศการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นโดยมีนักวิเคราะห์ 30% เห็นว่าไม่มีผลใด ๆ หรือมีน้อยเนื่องจากมาตรการนี้ไม่ได้ใช้กับตลาดทุนโดยตรงอยู่แล้วและตลาดทุนอาจได้รับผลดีบ้างในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์และบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น แต่ผลที่ได้ไม่มากนัก

สำหรับการคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนนักวิเคราะห์ 65% คาดว่าใน 4 สัปดาห์ข้างหน้า จะแข็งค่าขึ้นโดยมีอัตราเฉลี่ยที่ระดับ 30.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีนักวิเคราะห์เพียง 10% ที่ประเมินว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากได้รับผลดีจากการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศรวมทั้งโครงการลงทุนของภาครัฐ เช่น กลุ่มธนาคาร และพลังงาน โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มส่งออก ขณะที่มีนักวิเคราะห์บางรายเตือนสถานการณ์โดยรวมตลาดหุ้นว่ายังไม่น่าไว้วางใจและอาจปรับฐานลงในระยะสั้น

นายสมบัติ กล่าวว่าส่วนตัวมองว่าการที่ดัชนีหุ้นไทยไม่ตอบรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการยกเลิก30% เนื่องจากเป็นไปตามคาดประกอบกับตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวก่อนหน้านี้แล้วซึ่งจากนี้ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศ เช่น การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดอกเบี้ย โดยในขณะนี้ยังไม่มีการชี้ชัดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจากนี้ดัชนีอาจจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ 800 จุดแต่จะต่ำกว่า 800จุดหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจอเมริกาปัญหาซัพไพรม์และปัจจัยการเมืองในประเทศ

โบรกฯงงกองทุนนอกขายทิ้ง

มล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้บริหารระดับสูง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวว่า แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงสัปดาห์นี้เป็นการขายจากสถาบันเพียง 2-3 เท่านั้นแต่เป็นการขายค่อนข้างมากซึ่งยังไม่ทราบเหตุผลในการขายในครั้งนี้ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศอาจจะมีการขายหุ้นที่ถือครองในตลาดหุ้นไทยออกมาอีก ซึ่งเหตุผลการขายอาจเป็นแค่ความต้องการที่จะโยกย้ายเงินลงทุนเท่านั้น

"ยอดขายสุทธิของต่างชาติที่ออกมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเท่าที่สอบถามเป็นการขายจากนักลงทุนเพียง 2-3 รายเท่านั้นแต่ในอนาคตอาจจะมีการขายเพิ่มมาอีกหรือไม่ยังตอบยาก และเหตุผลในการขายออกมาในครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทำไม อาจจะต้องการโยกเงินไปลงทุนอย่างอื่นหรือในตลาดหุ้นอื่นก็ได้"มล.ทองมกุฎกล่าว

ฝรั่งขายทิ้งผ่านบล.ไทยพาณิชย์

แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ยอดการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมาเป็นการขายผ่านบล.ไทยพาณิชย์ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนต่างชาติเป็นหลักโดยจากการขายที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงทำให้มาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เชื่อว่าในเร็วๆนี้นักลงทุนต่างขาติจะยังมีการขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยโดยเฉพาะความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมืองทั้งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการพิจารณาความผิดที่อาจจะนำไปสู่การยุบพรรค รวมถึงประเด็นการพิจารณาการทำผิดกฎหมายเรื่องตั้งของรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน

นอกจากนี้ประเด็นลบจากต่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯซึ่งแม้ว่าเรื่องดังกล่าวนักลงทุนจะรับรู้มาค่อนข้างนานแล้ว แต่ปัญหาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดทำให้เป็นแรงกดดันนักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนโดยเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

สำหรับส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามาร์เกตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากโดยในวันที่ 3 มี.ค. บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CSปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.30%, ขณะที่บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.9%, บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) อยู่ที่ 2.45% โดยหากเทียบกับมาร์เกตแชร์ตั้งแต่ 2 ม.ค.-4 มี.ค. 51 พบว่า CS มีมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 5.17% , UBS มีมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 3.6% และ CLSA มีมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 2.9%

นอกจากนี้จากการตรวจสอบยอดการขายสุทธิในช่วงวันที่ 4 มี.ค. 51 พบว่าบล.ไทยพาณิชย์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิมากถึง 4,103 ล้านบาท และมียอดซื้อสุทธิเพียง 1,086 ล้านบาท ขณะที่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 51 มียอดขายสุทธิ 2,733 ล้านบาท และมียอดซื้อสุทธิ 1,424 ล้านบาท

"ทรีนิตี้"คาดSETจ่อหลุด800จุด

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า หลังธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศยกเลิกมาตรการ 30% คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 780 - 860 จุด ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน โดยในระยะสั้นมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลดลงแตะระดับ 800 จุดอีกครั้งท เนื่องมีบริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายเงินปันผลซึ่งเป็นตัวสนับสนุนความเสี่ยงขาลงอยู่

ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังไม่ขายสุทธิออกมาไม่มาก เนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาพึ่งเพิ่มการลงทุนในหุ้นบ้านเรา โดยกองทุนบำนาญของต่างประเทศ ในขณะที่นักลงทุนสถาบันจะยังคงถือหุ้นอยู่จนถึงช่วงเวลาของการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากเงินปันผลที่ให้กับนักลงทุนสถาบันไม่ถูกเก็บภาษี

นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีเงินลงทุนจากตลาดหุ้นประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทย เนื่องจากช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา หุ้นฟิลิปปินส์ให้ผลตอบแทน 250% และหุ้นอินโดนีเซีย ให้ผลตอบแทน 150% ในขณะที่ประเทศไทยให้ผลตอบแทนแค่ 16% เท่านั้น ทำให้คาดการณ์ว่า SET มีโอกาสทดสอบ 900 จุด ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เชื่อว่าจะมีการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น ทั้งสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME ขณะที่กลุ่มธนาคาร(เช่าซื้อ) มีแนวโน้มว่าความต้องการในการซื้อรถยนต์จากภาคประชาชนจะเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่ายอดการซื้อรถยนต์จะเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 5%

ส่วนกลุ่มที่ยังไม่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ยังไม่ค่อยดีนัก แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยังคงโครงการ Mega Project แต่อาจจะมีการอนุมัติโครงการล่าช้าเนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม รวมถึงกลุ่มพลังงาน ซึ่งแม้ปีนี้จะมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการแทรกแซงราคาน้ำมันจากรัฐบาล ค่าเงินบาท และความผันผวนในช่วงสั้นๆค่อนข้างมาก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us