ไทคอนฯสนใจลงทุนสร้างโรงงานให้เช่าในจีน เร่งศึกษา ความเป็นไปได้และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ
น่าจะสรุปผลได้ภายในปีหน้า โดยรอให้สถานการณ์โรคซาร์สในจีนคลี่คลายลง เผยนักลงทุนส่วนใหญ่สนใจลงทุนในภูมิภาคนี้
จะไปจีน รองลงมาคือไทย
นายชาตรี เหล่าเหมวงศ์ ผู้ช่วย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบัญชีและการเงิน
บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจสร้างโรงงานให้เช่าที่จีน
โดยจีนมีการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนแตกต่างกันไปในแต่ละมณฑล คาดว่าจะสรุปผลได้ประมาณปีหน้า
สาเหตุที่เลือกจะไปลงทุนในจีน นั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเข้าไปลงทุนในจีน
เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศในแถบอินโดจีน รวมทั้งจีน ยังมีตลาดในประเทศรองรับสินค้าที่ผลิตได้จำนวนมาก
จึงกลายเป็นประเทศที่น่าสนใจที่สุดในสายตานักลงทุนข้ามชาติ รองลงมา คือ ไทย ขณะที่เวียดนามนั้นยังติดปัญหาด้านสาธารณูปโภค
ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย มีปัญหาด้านการเมือง
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอจีนแก้ ปัญหาการระบาดของโรคซาร์สได้ก่อน เพราะ ในช่วงนี้นักลงทุนยังไม่
กล้าที่จะเข้าไปขยายฐานการผลิตในจีน แต่หากปัญหาดังกล่าวคลี่คลายไป จีนจะกลับมาเป็นประเทศที่น่าจับ
ตามองดังเดิม
ส่วนกรณีที่บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJANA)ซื้อหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของไทคอนฯ
จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง คิดเป็นจำนวน 22.07% เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
เนื่องจากกลุ่ม ซิตี้ เรียลตี้ ของนายชาลี โสภณพนิช ถือหุ้นใหญ่ถึง 28%
การเข้ามาถือหุ้นของ ROJANA น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯที่คาดว่า จะได้ราคาที่ดินในต้นทุนที่ต่ำลง
หาก บริษัทฯเจรจาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน แต่ทั้งนี้ไม่ได้ผูกขาดว่า จะต้องซื้อพื้นที่ในนิคมฯโรจนะเท่านั้น
แต่สามารถซื้อที่ดินในนิคมฯ หรือสวนอุตสาหกรรมอื่นๆได้
"ROJANA เข้ามาซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มธุรกิจ การสร้างโรงงานให้เช่ามีการเติบโต
ที่ดี มั่นคง และมีมาร์จินสูง แทนที่จะแตกไลน์มาทำธุรกิจด้านนี้เองเหมือนกับบางนิคมฯ"นายชาตรีกล่าว
กลางปีที่ผ่านมา TICON ได้ซื้อที่ดินในนิคมฯโรจนะจำนวน 15 ไร่ โดยมีลูกค้าแล้ว
3 โรงงาน และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 7โรงงาน คาดว่าจะทยอยเสร็จนับจากนี้ไปจนถึงต้นปี
2547
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 130-140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
30-40% ของ กำไรสุทธิในปีนี้ที่มี 111.82 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากการให้เช่าโรงงานเพิ่มขึ้น
และในครึ่งปีหลัง จะมีโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทยอยเสร็จไปจนถึงต้นปี 2547
ทำให้บริษัทฯรับรู้รายได้จากการให้เช่า/ขายโรงงานเพิ่ม