ตลาดหลักทรัพย์จะเสนอให้นำ NVDR คำนวณในดัชนีฟุตซี่ (Footsie) ตลาดหุ้นลอนดอน
ซึ่งเป็นดัชนีที่นักลงทุนอังกฤษจะตัดสินใจเพื่อลงทุนตลาดหุ้นแถบเอเชีย คล้ายกับที่
MSCI นำ NVDR คำนวณถ่วงน้ำหนักดัชนีดังกล่าว ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ บล.
ประสานเสียง ถึงเวลาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระดมทุน คาดสัปดาห์นี้ หุ้น
3 กลุ่มยังน่าสน ดัชนีหุ้นไทยเดินหน้าต่อขึ้นทดสอบ 430 จุด เพราะเงินต่างชาติยังไหลเข้า
ตราบเท่าที่บาทยังแข็ง แต่หุ้นไทย จะเป็นช่วงปรับฐานต่อจากวันศุกร์
นางนารี บุญธีรวร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า
การที่นำ NVDR เข้าไปคำนวณในดัชนีฟุตซี่ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในความสนใจของนักลงต่างชาติมากขึ้น
ถือว่าเป็นปัจจัยที่ดีช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยเป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
NVDR ดึงนักลงทุนยุโรป
การที่สถาบันต่างชาตินำ NVDR คำนวณ ในดัชนีวัดการลงทุนเป็นสิ่งที่ดี เป็น NVDR
ของตลาดหุ้นไทย และแห่งแรกของโลกที่นำเอา ไปคำนวณในดัชนี MSCI ของสหรัฐฯ ซึ่งผู้จัดการกองทุนมะกันใช้เป็นดัชนีอ้างอิง
เพื่อตัดสินใจลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก
อนาคตตลาดหลัก ทรัพย์จะเสนอให้นำ NVDR คำนวณ ในดัชนีที่นำเอาตลาดหุ้นไทยถ่วงน้ำหนักการลงทุนทุกแห่ง
ทางด้านนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. อยุธยาเจเอฟ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันค่าสัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร
(พีอีเรโช) 9 เท่า ระดับ ดัชนีประมาณ 420 จุด เป็นระดับที่เหมาะสม กับปัจจัยพื้นฐานตลาดฯ
ระยะนี้ยังคงมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ต่อเนื่อง เพราะค่าเงินบาทยังแข็งค่า
และยัง ไม่มีแนวโน้มจะอ่อนตัว ดังนั้น เมื่อใดที่ดอลลาร์ สหรัฐแข็งค่าเงินขึ้น
โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติ จะเริ่มขายทำกำไรก่อนย่อมเกิดขึ้นได้
เงินฝรั่งยังไหลเข้าเพราะบาทแข็ง
อย่างไรก็ตามระดับราคาหุ้น เป็นปัจจัยที่ จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขาย เพราะมีกำไร
ระดับที่ดี ซึ่งจะเห็นว่าช่วงที่ตลาดฯคึกคักหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ปตท. (PTT) แอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANCE) ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานบริษัทนั้นๆ
แล้ว มีกำไรต่างชาติก็ต้องเทขายเพื่อทำกำไร แต่เงิน จะยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
ตราบใด ที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่า
หุ้น 3 กลุ่มยังน่าสน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทยังเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บันเทิง ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะยังไม่เพิ่มน้ำหนัก เนื่องจากต้องรอดูผลการเพิ่มทุนของธนาคารต่างๆ
เพื่อนำเงินล้างขาดทุนสะสม และไถ่ถอนสลิปส์-แคปส์
ด้านนางสาวอาภรภรณ์ แสวงภักดิ์ นักวิจัย บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่าค่าเงินบาทยังคง
เป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าเงินของนักลงทุนต่างชาติ จะยัง ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มระยะนี้
ยังเชื่อว่าจะยังมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นตลาดฯ ปัจจัยพื้นฐานดี และมีความ
สามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้
แต่ระยะนี้การลงทุนจะยังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นถึง
420 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ หากปรับตัวขึ้นได้อีก สัปดาห์นี้คาดว่าตลาดฯ จะผันผวนมากขึ้น
ดัชนีเดินหน้าทดสอบ 430 จุด
นายสุกิจ อุดมศิลป์ นักวิเคราะห์ บล. พัฒนสิน กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ จะเป็นช่วง
ทำกำไร หากยังมีเงินต่างชาติไหลเข้าต่อ คาด ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 430 จุดได้
แต่ดัชนีที่เหมาะสมกับพื้นฐานตลาดหุ้นไทยขณะนี้ 417 จุด อย่างไรก็ตามระหว่างนี้จะมีแรงเทขายกำไรสลับกัน
"ตลาดหุ้นคึกคักหุ้นใหม่ที่เตรียมข้อมูลพร้อมควรเร่งกระจายหุ้น เพราะช่วงนี้
ถือว่า เหมาะสม จะได้รับความสำเร็จการเสนอขาย ซึ่ง นักลงทุนต่างชาติมองตลาดหุ้นไทยน่าสนใจมากที่
สุดในเอเชีย" นายแมนพงษ์ เสนาณรงค์ วาณิชธนากร บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริล ลินช์
ภัทร กล่าว
บริษัทที่เตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายในปีนี้ บริษัทพร้อมเรื่องข้อมูล
ควรกำหนดวันเสนอขายได้แล้ว เพราะขณะนี้เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานประเทศไทย อยู่ในทิศทาง
ที่ดีมีเงินนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง
จึงน่าจะส่งผลดีกับตลาดสำหรับบริษัทที่จะกระจายหุ้นใหม่ให้ประชาชนทั่วไป เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
(IPO) แนวโน้มครึ่ง ปีหลัง หากไม่มีผลกระทบปัจจัยนอกเหนือความ คาดหมาย คาดว่าตลาด
IPO น่าจะคึกคัก จะได้ รับการตอบรับจากนักลงทุน แต่สิ่งที่นักลงทุนควร ติดตาม คือภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา
และทิศทางค่าเงินยูโร เพราะจะเป็นปัจจัยบ่งบอก ทิศทางเงินต่างชาติที่จะไหลเข้าหรือออก
เท่าที่เขา ประเมิน เงินยูโรน่าจะยังแข็งค่าต่อเนื่อง การที่ พื้นฐานตลาดหุ้นไทยภาพรวมทิศทางที่ดี
จึงยังมั่นใจว่าตลาดหุ้นน่าไทยจะยังคึกคักรวมถึงตลาด IPO
นายสิทธิชัย มหกุล รองผู้อำนวยการฝ่าย วาณิชธนกิจ บล. กิมเอ็ง กล่าวว่าปัจจุบันตลาด
ทุนไทยทิศทางดีขึ้น บริษัทที่พร้อมก็สามารถกระจายหุ้นได้ แต่ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจาก
โรคหวัดมรณะ (ซาร์ส) โดยตรง คงต้องชะลอแผนระดมทุนก่อน
ส่วนบริษัทรับทำหน้าที่ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (อันเดอร์ไรท์)
ให้ บริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งจะเสนอขาย 60 ล้านหุ้น ระหว่าง 18-20
มิ.ย.ขณะนี้ อยู่ระหว่าง สำรวจราคาเสนอขาย กรอบราคาที่จะเสนอขาย อยู่ระหว่าง 4.70-5.10
บาท จะสรุปราคา 16 มิ.ย. นี้ จะมีผู้ร่วมอันเดอร์ไรท์ประมาณ 10 ราย
5 บริษัทจ่อคิวทำ IPO
แนวโน้มตลาด IPO ช่วงครึ่งปีหลัง คาด ว่าก.ย.-ต.ค.จะมีการระดมทุนคึกคัก โดยเฉพาะบริษัทจะมีลูกค้าที่เตรียมเสนอขายหุ้นใหม่
ปีนี้ประมาณ 4-5 แห่ง อยู่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง บันเทิง และขนส่ง บริษัทแรกเป็นธุรกิจท่าเทียบเรือ
โดยจะยื่นข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) มิ.ย.บริษัทแรก
6 บริษัทแต่งตัวเข้า ตลท.
รายงานการยื่นข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
บริษัทที่ยื่นไฟลิ่ง เพื่อเข้าตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว 6 บริษัท ได้แก่
บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท โดยบริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัสเป็นที่ปรึกษาการเงิน บริษัท
แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี บริษัทเทิร์น อะราวด์ เป็นที่ปรึกษาการเงิน
บริษัทที.เค.เอส. บริษัทยูไนเต็ดแอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิสเป็นที่ปรึกษาการเงิน บริษัท
อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้เป็นที่ปรึกษาการเงิน บริษัทบางปะกง
เทอร์มิเนล บริษัทไอเอฟซีที แอดไวเซอรีเป็นที่ปรึกษาการเงิน และบริษัทฮั้งฟง รับเบอร์
(ไทยแลนด์) บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาการเงิน
3 แห่งเข้าตลาดใหม่
ส่วนบริษัทที่ยื่นข้อมูลไฟลิ่งเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ)
คือ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล รีเสิร์ช คอร์ปอเรชั่น บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย)
เป็นที่ปรึกษาการเงิน บริษัทโฟคัสอินฟราสตรัคเจอร์ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสินเป็นที่ปรึกษาการเงิน
และบริษัทมาร์โบ 30003 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาการเงิน