Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 มีนาคม 2551
'SOLAR'เล็งกู้เงินอีก600ล้านบาท ใช้ลงทุนโรงผลิตเซลล์เสร็จปีนี้             
 


   
search resources

Energy
โซลาร์ตรอน, บมจ.
อัครเดช โรจน์เมธา




SOLAR เล็งกู้เงินอีก 600 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโรงงานผลิตส่วนโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ คาดติดตั้งเครื่องจักรเสร็จปลายปีนี้ หวังขยายธุรกิจครอบคุมพลังงานทดแทน เน้นพลังงานลม เผยเตรียมร่วมจับมือพันธมิตรต่างชาติที่มีความชำนาญบุกตลาด พร้อมบุกตลาดเพื่อนบ้าน หลังพบยังขาดแคลนพลังงาน พร้อมตั้งเป้าโกยรายได้ปี50 ถึง 500-700 ล้านบาท โดยงานจากภาคเอกชนจะสูง ยันเปลี่ยนต่ำแหน่งผู้บริหารเป็นไปเพื่อความเหมาะสม

นายอัครเดช โรจน์เมธา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ครอบคุมพลังงานงานทดแทนมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานลม ซึ่งมองว่าประเทศไทยมีความสามารถพัฒนาได้ โดยจะขายเป็นระบบพลังงานผสมผสาน คือ พลังงานโชลาร์เซลล์ใช้ในช่วงกลางวัน และพลังงานลมใช้ในช่วงกลางคืน รวมถึงการเข้าประมูลโครงการกังหันลมของภาครัฐ ซึ่งบริษัทจะจับมือกับพันธมิตรจากยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญร่วมกันดำเนินโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน

ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และลาว เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศยังขาดแคลนพลังงาน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชาที่ประชาชนกว่า 80% ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่อีก 20% ที่มีไฟฟ้าใช้ต้องปั่นไฟจากเครื่องยนต์ดีเซล ราคาค่าไฟก็แพงกว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า ดังนั้นบริษัทจึงมองเห็นตลาดตรงนี้ โดยในช่วงเดือนหน้านี้บริษัทจะลงนาม MOU กับบริษัทในกัมพูชาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท และในวันที่ 4 เมษายน 51 บริษัทจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ส่วนจะสามาถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องประเมินความต้องการของตลาดประมาณ 1 ปีว่าจะได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 500 - 700 ล้านบาท จากปี50 ที่มีรายได้รวม 115.27 ล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าปี 49 ที่บริษัททำได้ 1,111.73 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ปี 50 ลดลงกว่าปีก่อนถึง 89.63% อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งภาครัฐกำลังปรับปรุงนโยบายพลังงานทดแทน ทำให้การผลักดันงานในโครงการต่างๆ ของภาครัฐเกิดความล่าช้า หรือชะลอการตัดสินใจซื้อและลงทุน ประกอบกับบริษัทฯ อยู่ในช่วงการปรับปรุงระบบภายในของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตลาดไปยังภาคเอกชนและส่งออก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนขายลดลงเล็กน้อย อันเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนขายให้มีประสิทธิภาพ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการขยายตลาดที่จะส่งผลต่อยอดขายในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ปีนี้รายได้ของบริษัท 70% ยังมาจาก Home Market (ตลาดในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน) และอีก 30% มาจากการส่งออกภายใต้แบรนด์ OEM ของลูกค้า ส่วนโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ของบริษัทที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการรอติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าประมาณไตรมาส 3 หรือ 4 ของปีนี้จะแล้วเสร็จ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 400 ล้านบาท และคาดว่าต้องลงทุนในปีนี้อีกประมาณ 600 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินกู้ยืมจากธนาคารในประเทศ

"รายได้หลักในประเทศคงยังมาจากโครงการของภาครัฐ แต่ที่จะเพิ่มมาคือรายได้จากภาคเอกชนที่บริษัทได้เริ่มหาตลาดและคุยกับลูกค้าตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยบริษัทจะรอดูแนวทางนโยบายเกี่ยวกับพลังงานทดแทนของภาครัฐสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นจะเข้าไปคุยและทำความเข้าใจว่าบริษัทสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยส่วนตัวเชื่อว่าในอนาคตตลาดพลังงานทดแทนจะเติบโตได้ดี เหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และการรณรงค์เรื่องโลกร้อน ที่จะทำให้ความต้องการใช้พลังงานบริสุทธิ์มีมากขึ้น โดยหากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะยิ่งทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว"นายอัครเดช กล่าว

อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหาร โดยนายอัครเดช โรจน์เมธา ไปตำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และให้นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ขึ้นมาดำรงดำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทนนั้น ว่าเป็นไปเพื่อความเหมาะสม และความถนัดของตัวบุคคล ซึ่งนายอัครเดช มีความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาดมากกว่า ก็จะมาดูงานเกี่ยวกับการหาลูกค้าเข้าบริษัท ส่วนนางปัทมา มีความชำนาญด้านการบริหารก็จะรับหน้าที่ตรงนี้ไปแทน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us