ปรับโครงสร้างหนี้สหโมเสคอุตสาหกรรมฉลุย ยืดหนี้มีประกัน 700 ล้านบาทออกไป 10
ปี และชำระหนี้ไม่มีประกันเป็นเงินสด 200 ล้านบาท และออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 160 ล้านบาท
ชดเชยเงินต้นและดอกเบี้ยที่ไม่สามารถชำระคืนได้
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า
คณะกรรมการบริหารบสท. ได้มีมติอนุมัติแผนปรับโครงสร้าง หนี้ของบริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม
จำกัด (มหาชน) (UMI) ซึ่ง บสท.เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ร่วมกับบริษัทเงินทุนทิสโก้ จำกัด
(มหาชน) ในสัดส่วน 90.46% ต่อ 9.54%
เงื่อนไขการปรับโครงสร้างของ UMI ประกอบด้วย หนี้ที่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท
และหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 768.26 ล้านบาท โดยกำหนดใช้ชำระคืนหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน
700 ล้านบาท ตามกระแสเงินสดของกิจการ พร้อมอัตราดอกเบี้ย MLR-1 ถึง MLR ภายใน 10
ปี
ส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน กำหนดให้ชำระเป็นเงิน สดทันทีภายใน 90 วัน จำนวน
200 ล้านบาท และเป็นหุ้น กู้แปลงสภาพชนิดไม่มีหลักประกัน จำนวน 160 ล้านบาท เพื่อชดเชยกับเงินต้นจำนวน
408.26 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างชำระที่ปรับลดได้
หุ้นกู้แปลงสภาพชนิดไม่มีหลักประกัน จำนวน 160 ล้านบาท มีอายุ 5 ปี มูลค่าที่ตราไว้ฉบับละ
1,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MLR-1% ชำระทุก 6 เดือน และแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในราคาหุ้นละ
10 บาท มีอัตราส่วนการแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 100 หุ้นสามัญ
นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสรักษาสัดส่วนส่วนการเป็นเจ้าของกิจการ บสท.
จะให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมซื้อคืนได้จำนวน 40% โดยครึ่งหนึ่งในราคาหน่วยละ 1,000
บาท พร้อมดอกเบี้ย และอีกครึ่งหนึ่งในราคาหน่วยละ 1,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย
นายสมเจตน์ กล่าวว่า หลังการปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้ บริษัทจะมีฐานะการเงินที่แข็งแรงที่สามารถจะระดมทุนเพิ่มเติม
เพื่อใช้ในการปรับปรุงการผลิตและขยายกำลังการผลิตสำหรับรองรับการขยายตัวของตลาด
ตามการฟื้นตัวและเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในขณะนี้ได้มีสถาบันการเงิน
2 ราย ให้ความสนใจที่จะเสนอให้เงินกู้เพิ่มเติมแก่บริษัทแล้ว
UMI มีภาระหนี้เงินต้นรวม 1,468.26 และดอกเบี้ยค้างชำระในอัตราผิดนัด ณ วันที่
สท. รับโอนหนี้มารวมทั้งสิ้น 253.20 ล้านบาท