|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มีนาคม 2551
|
|
เมื่อกลางปี 2550 เอไอเอสตัดสินใจผลิตโทรศัพท์มือถือเฮาส์แบรนด์ภายใต้แบรนด์ "โฟนวัน" (phoneOne) ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ว่ากันว่า การเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสขณะนั้นทำเอาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศ หรือ local brand หนาวๆ ร้อนๆ กันเป็นทิวแถว โดยเฉพาะผู้ที่ครองส่วนแบ่ง local brand อยู่แต่เดิมแล้ว อย่างไอ โมบาย ของสามารถ คอร์ปอเรชั่น หรือ G-net และแบรนด์อื่นๆ
แม้จะเปิดตัวและทำตลาดได้เพียง 3 เดือนในปีที่ผ่านมา แต่ระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ของโฟนวันเมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารของโฟนวันก็ระบุว่าสามารถทำโทรศัพท์ขายได้ถึง 1.5 แสนเครื่อง คิดเป็นรายได้สำหรับหน่วยธุรกิจนี้ประมาณ 400 ล้านบาท เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาเดือนเดียว โฟนวันขายได้ถึง 6 หมื่น เครื่อง อีกทั้งยังคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะทำรายได้ถึง 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว
ความนิยมชมชอบในการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ามาเป็น เครื่องใหม่ หรือมีโทรศัพท์ใช้สองสามเครื่องโดยเจ้าของเพียงคนเดียว ที่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเรียกกลุ่มผู้บริโภคแบบนี้ว่า "replacement" ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้ local brand หรือโฟนวันประสบ ความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
ขณะที่ตัวแปรทางด้านราคาเทียบกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่หลากหลายพอยอมรับได้ โดยเฉลี่ยเครื่องมาตรฐานที่เต็มไปด้วย ฟังก์ชันทั้งกล้องดิจิตอลในตัว ฟังเพลงได้ อัดเสียงได้ ของ local brand ไม่ถึง 4 พันบาทด้วยซ้ำ ทำให้ความสำเร็จยิ่งทวีคูณอย่างเห็น ได้ชัด
เมื่อต้องจ่ายแพงกว่าทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องใหม่นั้น ยากมากขึ้น ดังนั้นความพยายามของทั้งโฟนวันและผู้ผลิตรายอื่นๆ จึงอยู่ที่การใส่ความสามารถและลูกเล่นทุกอย่างลงไปในโทรศัพท์ ขณะที่ต้องลดราคาลงมาในจุดที่คนมักจะเลือกควักเงินในกระเป๋าจ่ายออก ไปโดยไม่ลังเลให้ได้มากที่สุด
นอกเหนือจากนั้น การรุกตลาดต่างจังหวัดทั้งเหนือและอีสาน ถือเป็นต้นทุนหลักของงบประชาสัมพันธ์นับร้อยล้านของทุกค่าย เฉพาะโฟนวันในรอบหลายเดือนที่ผ่านมายอดขายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ล้วนมาจากต่างจังหวัดแทบทั้งสิ้น
เชื่อกันว่าปีนี้ราคาโทรศัพท์มือถือจะลดลงอีก ขณะที่คุณสมบัติ ในการใช้งานกลับเพิ่มขึ้น โฟนวันก็เช่นเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ผู้บริหาร บอกว่าอยากจะไปถึง โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่าปีนี้ราคาโทรศัพท์มือถือโดยเฉลี่ยของโฟนวันจะอยู่ต่ำกว่า 2,500 บาท
เมื่อนำทุกปัจจัยมารวมกันทั้งราคาที่ถูก คุณสมบัติการใช้งาน ที่หลากหลาย บวกกับรูปลักษณ์ในการออกแบบสินค้าที่ทันสมัยขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดคือการเป็นบริษัทลูกของเอไอเอส ที่ทุกบูธขายสินค้าโฟนวันจะบอกว่า "สินค้าคุณภาพจากเอไอเอส" ก็ทำให้เห็นถึงความ เป็นไปได้ที่โฟนวันจะโตได้ในแบบที่เรียกว่า "เกาะกันโต" และอาจจะ โตพอที่จะทำให้อีกหลายเจ้าผู้ผลิตเฮาส์แบรนด์หนาวๆ ร้อนๆ อย่างที่คาดการณ์กันไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
|
|
|
|
|