เป็นธรรมเนียมทุกปีที่ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือที่นักข่าวมักจะเรียกติดปากว่า "คุณปั้น" จะต้องออกมาปาฐกถาให้สื่อมวลชนได้ฟัง และในปีนี้ เขาเลือกวันที่ 31 มกราคม 2551 เป็นวันพบปะสื่อมวลชน ณ สำนักงานใหญ่ ราษฎร์บูรณะ ด้วยการส่งหมายเชิญเป็นอั่งเปาสีแดงรับเทศกาลตรุษจีนที่บอกว่า "สวัสดีปีหนูร่าเริง 2008"

สื่อมวลชนทุกแขนงจะให้ความสนใจในสิ่งที่บัณฑูร พูดเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน มีสื่อเข้าร่วมงานกว่าครึ่งร้อยเช่นเคย เพราะสิ่งที่เขาพูดมักจะมีประเด็นที่น่าสนใจแฝงด้วย นัยสำคัญหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ เศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม และในการพูดแต่ละครั้งเขาจะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง

ทว่า หัวข้อในการพูดในครั้งนี้ออกจะแตกต่าง แม้จะบอกว่าเป็นการ "คุยกันแบบกันเอง" กับบัณฑูร ล่ำซำ ก็ตาม ครั้งนี้เขาใช้เวลาพูดเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ปีหนูร่าเริง 2008 ของบัณฑูรอาจหมายถึงเศรษฐกิจที่อึมครึม มาตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านมา น่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะภาพรวม ทั้งหมดแต่ในงานวันนั้นเขาไม่ค่อยจะพูดอะไรมาก อาจเป็นเพราะว่า การเมืองอยู่ระหว่างการจัดตั้งยังไม่ได้มีการประกาศเรื่องของเศรษฐกิจ ชัดเจน

ในวันนั้นบัณฑูรของดพูดเรื่องการเมือง เพราะเขาออกปากตั้งแต่เริ่มต้นว่า "ไม่ถนัดการเมือง ไม่เล่นการเมือง" แต่เขาก็อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ว่า "ก็ขอต้อนรับรัฐบาลเก่าๆ" ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากสื่อและผู้บริหาร

เนื้อหาสาระที่บัณฑูรพูดในวันนั้นมีความน่าสนใจน้อย เมื่อเทียบกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เมื่อตุลาคม 2550 เขาได้พูดถึงเรื่อง เคนาว (K NOW) ซึ่งเป็นโจทย์ใหม่ของผู้บริหารที่จะทำอย่างไรที่จะพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างแท้จริง เพราะปัจจุบัน สินค้าและบริการของทุกธนาคารมีหน้าตาเหมือนกันหมด แทบจะแยกกันไม่ออก

บัณฑูรยังใช้เวลาที่มีแจกแจงถึงโครงสร้างการบริหารงานและผู้บริหารที่รับผิดชอบของบริษัทในเครือทั้ง 6 แห่ง และตบท้าย ด้วยการตอบคำถาม

ในช่วงเย็นได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำสื่อมวลชนกับผู้บริหารเกือบ 30 คนที่ร่วมรับฟังบัณฑูรตลอดช่วงบ่ายก็ร่วมงานในตอนเย็น พร้อมกับสวมเสื้อยืดสีแดงต้อนรับเทศกาลตรุษจีนอย่างเต็มที่ โต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้จะมีนามบัตรของผู้บริหารกสิกรไทยวางอยู่บนโต๊ะ เพื่อให้นั่งสลับกับผู้สื่อข่าว เข้าใจว่าน่าจะเป็นการแนะนำผู้บริหารระดับกลางให้ผู้สื่อข่าวได้รู้จักมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ของกสิกรไทยร่วมกันสร้างสีสันให้กับงานด้วยการงด ใช้สีเขียวขององค์กรเป็นการชั่วคราว หากแต่งเติมบรรยากาศด้วยเสื้อโปโลสีแดงสดใสเข้ากับบรรยากาศตรุษจีนเป็นอย่างดี

ส่วนบัณฑูรในเย็นวันนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูแขนยาวกับบุคลิก ที่สบายๆ แตกต่างกับการเมืองที่ยังร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง ด้วยความ ที่อารมณ์ดีเขาจึงเลือกร้องเพลงให้ฟัง 1 เพลงที่ชื่อ "พ้อ" ของสง่า อารัมภีร นักแต่งเพลงชื่อดัง

อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า แม้ว่าคลื่นลมการเมืองจะแรงแค่ไหน กลุ่มกสิกรไทยก็ยังเดินต่อไปและปรับตัวให้รอดอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน