ปตท.เตรียมออกหุ้นกู้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.6 หมื่นล้านบาท ในครึ่งปีหลัง เพื่อใช้ในโครงการลงทุนต่างๆ หลังตั้งงบลงทุน 5 ปีนี้ใช้เงิน 2.4 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ ด้าน PTTCH ชี้ปิโตรเคมีในปีนี้ยังแจ่ม แม้ว่าครึ่งปีหลังจะมีโครงการใหม่จากซาอุฯและคูเวตเข้ามาในตลาด ทำให้มาร์จินหด หวั่นปีหน้ายิ่งโหดมีโครงการจากจีนและไทยผุดขึ้นอีกหลายล้านตัน เล็งออกหุ้นกู้สกุลบาทอีก 1 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีหลังนี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.จัดทำแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้า (2551-2555) ใช้เงิน 241,211 ล้านบาท หรือประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซฯถึง 72% เช่นโครงการท่อก๊าซฯในทะเลเส้นที่ 3เฟส 2 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้น 3 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้น 4 โครงการแอลเอ็นจี เทอร์มินอล เป็นต้น
โดยปีนี้บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนในโครงการต่างๆประมาณ 65,563 ล้านบาท ในปี 2552 ใช้เงิน 71,905 ล้านบาท ปี 2553 ใช้เงิน 58,390 ล้านบาท ปี 2554 เงินลงทุน 28,663 ล้านบาท และปี 2555 เงินลงทุน 16,690 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนของกลุ่มปตท.ใน 5ปีข้างหน้านี้จะใช้เงินประมาณ 8 แสนกว่าล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี 5 แสนกว่าล้านบาท ธุรกิจสำรวจและผลิตของบมจ.ปตท.สผ.และปตท.อีก 2 แสนกว่าล้านบาท
ขณะที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความต้องการใช้ก๊าซฯยังเติบโตสูงอยู่ ทำให้มีความจำเป็นต้องจัดหาก๊าซฯจากพม่า พื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา อินโดนีเซีย เป็นต้น รวมทั้งมีการจัดหาก๊าซฯจากแหล่งต่างๆทั่วโลกเพื่อลดความเสี่ยง แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน พลังน้ำและนิวเคลียร์ในธุรกิจไฟฟ้า แต่ก็ไม่มั่นใจว่าประชาชนจะยอมรับได้แค่ไหนในเชื้อเพลิงบางชนิด
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีที่ได้ประกาศไปทำให้ความต้องการใช้ก๊าซฯเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 พันล้านลบ.ฟุต/วันเป็น 5 พันล้านลบ.ฟุต/วัน ซึ่งโครงการแอลเอ็นจีเทอร์มินอล และโครงการท่อก๊าซบนบกเส้น 4 จะทำให้จัดส่งปริมาณก๊าซฯได้ถึง 7 พันล้านลบ.ฟุต/วัน สนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มอนาคตความต้องการใช้ก๊าซฯในธุรกิจไฟฟ้าลดน้อยลง บริษัทฯก็มีแผนจะนำก๊าซฯไปใช้ประโยชน์ในธุรกิจปิโตรเคมีเพิ่มมากขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้แนวโน้มราคาน้ำมันยังอยู่ระดับสูง โดยมีการประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คงต้องจับตาว่าจะยืนราคาเช่นนี้ได้หรือไม่ ขณะที่ปริมาณขายก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 13-14% จากแหล่งอาทิตย์และเจดีเอ บล็อก 18 ส่วนค่าการกลั่นในปีนี้คาดว่ายังคงสูงอยู่จากปีที่แล้วค่าการกลั่นเกิน 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าปีนี้จะมีปริมาณการกลั่นเข้ามามากในปลายปี สำหรับปิโตรเคมีในปีนี้เชื่อราคายังดี แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยก็ตาม
เล็งออกหุ้นกู้ 500 ล้านเหรียญ
นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.มีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งปีหลัง หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท (คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 32 บาท) เพื่อใช้ลงทุนโครงการต่างๆ คาดว่าอัตราออกเบี้ยหุ้นกู้ประมาณ 5 % หากอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อยก็ไม่ปัญหาเมื่อเทียบอัตราผลตอบแทนการลงทุน(IRR)อยู่ที่ 12% ก็พอใจ
การตัดสินใจออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อต้องการรักษาพอร์ตให้มีหนี้ต่างประเทศไม่ให้น้อยเกินไป โดยคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1.5% ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นให้สามารถก่อหนี้ได้อีก 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะทยอยออกเป็นล็อต
ปัจจุบันปตท.มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 2.2 แสนล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 5-5.5.6% อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.4 เท่า
ปิโตรเคมีเริ่มเห็นลางร้าย
นางพันธ์ทิพ อึ้งผาสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานแผนกลยุทธ์และกิจการต่างประเทศ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ปริมาณการผลิตเอทิลีนในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยจะมีโครงการโอเลฟินส์ของซาอุดิอาระเบียทยอยเสร็จช่วงครึ่งปีหลังนี้ 4 โรง คิดเป็นกำลังการผลิต 4 ล้านตัน และโครงการในคูเวตอีก 1 โรงขนาด 1 ล้านตัน รวม 5 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้เอทิลีนเพิ่มขึ้น 5-6 ล้านตัน
ดังนั้น ในปีนี้ราคาเอทิลีนเฉลี่ยยังคงดีอยู่ แม้ว่าปลายปีจะมีโครงการจากซาอุฯเข้ามาก็ตามแต่ในปีหน้า ปริมาณกำลังการผลิตเอทิลีนจะเพิ่มขึ้นมากจากจีนจำนวน 3-4 โครงการ โครงการของปูนซิเมนต์ไทย 1 ล้านตัน และของปตท.เคมิคอลอีก 1 ล้านตัน รวมทั้งยังมีโครงการดาวน์สตรียมจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเข้ามามาก
ในปีนี้ส่วนต่างโอเลฟินส์ยังคงระดับสูงได้อยู่ที่ 490 เหรียญ/ตัน สูงจากปีก่อนเฉลี่ยที่ 485 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกHDPEกับแนฟธา(สเปรด) อยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงกว่าปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 666 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนสเปรด EO BASE ในปีนี้จะปรับลดลง เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา โดยคาดราคาอยู่ที่ 370 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนราคาเฉลี่ยขึ้นไปถึง 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน
"ในไตรมาส 1/51 สเปรดของโอเลฟินส์ จะดีกว่าในไตรมาส 4/50 และยังดีต่อเนื่องไปไตรมาส 2 และเริ่มปรับลงในไตรมาส 3 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีซัปพลายจากซาอุฯเข้ามา 5 ล้านตัน และคูเวตอีก 1 ล้านตัน ขณะที่ HDPE ในปีนี้ยังคงดีอยู่ เพราะซัปพลายในตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มจากในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มจะเลื่อนไปเริ่มผลิตได้ในปี 2552 ทำให้สเปรดยังดีอยู่ แต่สำหรับ MEG สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี แม้ว่าสเปรดในไตรมาส 4/50 จะสูงมากถึง 702 เหรียญ/ตัน เนื่องจากโรงงานในซาอุฯหยุดเดินเครื่องที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ในปีนี้กลับมาเดินเครืองได้ตามปกติ ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะเริ่มลงในไตรมาส 2"
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้าหมายใน 5ปีข้างหน้า(2551-2555 ) รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% จากในปี 50 ที่มีรายได้ 7.39 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30%ในปีนี้
สำหรับงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 51-55) วงเงินรวม 6.45 หมื่นบ้านบาท โดยปีนี้ใช้เงินลงทุน3.66 หมี่นล้านบาท ปี 2552 ใช้เงินลงทุน 1.69 หมื่นล้านบาท ปี 2553 ใช้เงิน 7.38 พันล้านบาท ปี 2554 ใช้เงินลงทุน 1.83 พันล้านบาทและปี 2555 ใช้เงิน 1.73 พันล้านบาท
PTTCHออกหุ้นกู้ 1หมื่นลบ.
นางสาวปนัดดา กนกวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลบาทประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ โดยปีที่แล้ว บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท แต่ใช้เงินลงทุนจริง 2.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ปีนี้งบลงทุนค่อนข้างสูงอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท
|