เคทีซีโชว์ผลประกอบการปี 50 มีกำไรสุทธิ 521 ล้าน โตจากปีที่ผ่านมาถึง 19% ด้วยฐานสมาชิกรวมกว่า 1.94 ล้านบัญชี ระบุผลจากการเร่งเพิ่มรายได้พร้อมกับการลดต้นทุน ขณะที่พอร์ตลูกหนี้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก เหตุเกณฑ์ธปท.เรื่องการเพิ่มยอดชำระหนี้ขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ส่วนในปี 2551 จะยังคงเน้นการสร้างความแตกต่าง โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบแบ่งกลุ่มเซ็กเม้นท์ที่ชัดเจน และใช้ฐานสมาชิกขนาดใหญ่ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่แปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือเคทีซี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2550 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นเป็น 521 ล้านบาท จาก 439 ล้านบาทในปี 2549 หรือคิดเป็น 19% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2.02 บาท และแม้ว่าบริษัทจะไม่ได้มุ่งเน้นการขยายฐานสมาชิกเป็นหลัก แต่ในปี 2550 ฐานสมาชิกยังคงเพิ่มขึ้น 10% จาก 1.77 ล้านบัญชี เป็น 1.94 ล้านบัญชีในปี 2550 โดยสมาชิกใหม่ส่วนใหญ่มาจากบัตรเครดิตและสินเชื่อพร้อมใช้ เคทีซี แคช รีโวล์ฟ (KTC CASH Revolve) สำหรับจำนวนบัตรเครดิตรวม ณ สิ้นปี 2550 เท่ากับ 1,466,820 บัตร และเคทีซี แคช เท่ากับ 473,088 บัญชี และสินเชื่อเจ้าของกิจการ เคทีซี มิลเลี่ยน เท่ากับ 3,220 บัญชี
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน แต่จากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเชิงรุกเพื่อตั้งรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งการสร้างประสิทธิภาพในการบริหารงาน ให้สามารถลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายการบริหารรวมและดอกเบี้ยจ่าย โดยมีสัดส่วนทั้งสองต่อรายได้รวมลดลงจากปีที่ผ่านมา และการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเลือกใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลในเรื่องที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 45,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2549 ในขณะที่พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเติบโต 10% เพิ่มขึ้นเป็น 43,196 ล้านบาท จาก 39,120 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เนื่องจากการให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพหนี้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เรื่องการเพิ่มยอดชำระหนี้ขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ของยอดหนี้ค้างชำระ จึงส่งผลให้มูลค่ารวมของพอร์ตเคทีซีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ประกอบด้วยยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 29,834 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 11,022 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ เคทีซี มิลเลี่ยน สุทธิ 1,799 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในรอบปีที่ผ่านมา ในอัตรา 1.20 บาท ต่อ 1 หุ้นสามัญ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.48%”
ในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 10,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปี 2549 เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยรวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีสัดส่วนคิดเป็น 70% และ 26% ของรายได้รวม สำหรับค่าใช้จ่ายรวมปี 2550 (รวมดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้) เท่ากับ 10,180 ล้านบาท เติบโต 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนของค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ในปี 2550 เท่ากับ 50% ต่ำกว่าปีก่อนที่ 56% เป็นผลมาจากบริษัทยังคงความสามารถในการเพิ่มรายได้รวมให้มีอัตราการเติบโตในสัดส่วนที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารงาน และบริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการจัดหาสมาชิกใหม่ในจำนวนที่ลดลง แม้ว่าบริษัทจะยังคงมีการขยายฐานสมาชิกต่อเนื่องแต่เพิ่มจำนวนไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา
“ทิศทางการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทจะใช้กลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนขึ้น โดยยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคแบบแบ่งกลุ่มเซ็กเม้นท์ที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่มที่เป็นประโยชน์กลับสู่กลุ่มลูกค้านั้นๆ มากที่สุด โดยอาศัยความได้เปรียบจากเครือข่ายพันธมิตรหลากหลายธุรกิจและฐานสมาชิกขนาดใหญ่ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพิ่มช่องทางการใช้คะแนนสะสมแทนเงินสดในการแลกสินค้าและบริการที่แตกต่างได้เร็วกว่าและแลกได้จริง เน้นคะแนนน้อยก็แลกได้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ครบวงจร ซึ่งมีจุดแข็งในการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการก่อนใคร ทั้งนี้ บริ ษัทจะยังคงให้ความสำคัญในการอนุมัติสมาชิกใหม่อย่างรอบคอบและรัดกุม โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระคืนของสมาชิกเป็นสำคัญ ตลอดจนเน้นการบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ”นายนิวัตต์กล่าว
บอร์ดไฟเขียวออกหุ้นกู้1.2 หมื่นลบ.
นายปกรณ มาตระกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ ภายในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปีเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจและขยายธุรกิจของบริษัทรวมถึงการ Refinancing โดยหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ชนิดทยอยคืนเงินต้น หรือคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน มีประกันหรือไม่มีประกัน มีหรือไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาวะ ตลาดในขณะออกและเสนอขายหุ้นกู้นั้นๆ
ทั้งนี้ จะเสนอขายภายในประเทศต่อประชาชนทั่วไป และ/หรือ เสนอขายในกรณีจำกัดและ/หรือเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งอาจแบ่งเป็นการเสนอขายในครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้นั้นๆ ส่วนการไถ่ถอนก่อนกำหนด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่ออกในแต่ละครั้ง
|