การนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT มาใช้บังคับแทนระบบภาษีการค้าเดิมได้สร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการผู้ขาย
หรือผู้ให้บริการรวมถึงประชาชนผู้บริโภคทั่วไปพอสมควรราคาสินค้าหลายชนิดได้ขึ้นราคาไปจากเดิมโดยปราศจากเหตุผลทั้ง
ๆ ที่ควรจะถูกลง ในช่วงต้นนี้เข้าใจว่ารัฐบาลยังคงให้การผ่อนผันกับผู้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง
แต่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่งมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ จะต้องถูกนำมาใช้บังคับอย่างจริงจังและบุคคลใดจะยกความไม่รู้กฎหมายขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้ตนมิต้องรับโทษไม่ได้
ประเด็นก็คือ มีกฎหมายอะไรที่เป็นบทลงโทษ ผู้ไม่ปฏิบัติตาม หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายรวมถึงผู้ค้ากำไรเกินควรบ้าง
ในตัวกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มนี้มีบทกำหนดโทษที่ค่อนข้างรัดดกุมและรุนแรง
ซึ่งหากผู้ใดคิดจะหลบหนีภาษีมูลค่าเพิ่มดังต่อไปนี้ อาทิ
หนึ่ง ปลอมใบเสร็จรับเงิน (ใบกำกับภาษี) โดยการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาบังหน้า
โดยบริษัทดังกล่าวจะออกใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีปลอมให้กับห้างร้านต่าง
ๆ
สอง แจ้งยอดขายเท็จ เช่น ขายหรือให้บริการมากแต่แจ้งยอดขายน้อย หรือขายแพงแต่แจ้งยอดขายต่ำ
เมื่อขายต่ำภาษีขายก็จะต่ำไปด้วย เมื่อนำภาษีซื้อมาหักก็จะเสียภาษีน้อย หรืออาจจะได้รับคืนภาษีก็ได้
สาม หลบยอดซื้อและยอดขายทั้งสาย โดยเฉพาะการผลิตที่มีสายการผลิตสั้น
สี่ ปลอมเอกสารการส่งสินค้าออก เนื่องจากสินค้าส่งออกจะได้รับคืนภาษีซื้อทั้งหมด
การกระทำดังกล่าวนี้มีความผิด ผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาทางแพ่งก็คือต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
ส่วนทางอาญาก็มีทั้งโทษจำคุกและปรับ
นอกจากนั้นยังมีบทกำหนดโทษอันเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอีกหลายประการ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มใบกำกับภาษี การจัดทำรายงานและการเก็บเอกสาร
การยื่นแบบและการชำระภาษีและหากผู้กระทำผิดเป็นนิติบุคคล
กฎหมายยังกำหนดให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น
ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้ยินยอมหรือมีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น
นอกจากนั้นพ่อค้าที่ค้ากำไรเกินควรหรือรวมหัวกันกำหนดราคาสินค้า และบริการที่ไม่เป็นธรรมอาจจะต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้า
และป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 กฎหมายอันเกี่ยวกับการป้องกันการผูกขาด (ANTI-TRUSTLAW)
ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายนี้กำเนิดในตอนปลายศตวรรษที่ 19 ในช่วงนั้นสวัสดิภาพของผู้บริโภคในอเมริกาต่ำมากเพราะมีบริษัทใหญ่
ๆ หลายบริษัทผูกขาด การผลิตสินค้าและบริการโดยบริษัทดังกล่าวได้ตกลงร่วมมือกันจำกัดการแข่งขันระหว่างกันในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ถูกเอาเปรียบ
และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ผลิตต่าง ๆ รวมตัวกันเป็นทรัสต์ (TRUSTS) เพื่อถือหุ้นในบริษัทต่าง
ๆ และหุ้นเหล่านั้นก็ถูกโอนไปอยู่ในความครอบครองของทรัสตี (TRUSTEES) เพื่อจัดการประโยชน์แทนผู้ถือหุ้น
ดังนั้นบริษัทต่าง ๆ ดังกล่าวถึงอยู่ในความดูแลของทรัสตีชุดเดียวกัน การแข่งขันระหว่างบริษัทต่าง
ๆ จึงไม่มีดังนั้นกฎหมายป้องกันการผูกขาดของสหรัฐอเมริกาจึงมีชื่อว่า ANTITRUST
LAW โดยมีพระราชบัญญัติที่สำคัญคือ SHERMAN ACT 1890 ซึ่งถูกนำมาใช้โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การตกลงระหว่างบริษัทเพื่อที่จะจำกัดการแข่งขัน
หรือทำให้มีการผูกขาดในตลาดเป็นการผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญา
เมื่อหันมาดูพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522
ของไทยเรา ตามพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดขึ้นคณะหนึ่ง
ในกรุงเทพมหานครโดยเรียกย่อว่า "คณะกรรมการกลาง" ในส่วนจังหวัดอื่นนอกจาก
กทม. ทุกจังหวัดให้มีคณะกรรมการส่วนจังหวัดกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดโดยเรียกย่อว่า
"คณะกรรมการส่วนจังหวัด" ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดราคาสินค้า
เพื่อป้องกันการกำหนดราคาซื้อราคาขายหรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม
คณะกรรมการกลางมีอำนาจประกาศกำหนดให้สินค้าใดเป็นสินค้าควบคุมได้ เมื่อมีการประกาศกำหนดสินค้าควบคุมแล้ว
คณะกรรมการมีอำนาจดังต่อไปนี้
(1) กำหนดราคาซื้อหรือราคาขายสินค้าควบคุม ให้ผู้ซื้อซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนดหรือให้ผู้จำหน่ายจำหน่ายในราคาไม่สูงกว่าราคาที่กำหนด
หรือตรึงราคาไว้ในราคาใดราคาหนึ่ง
(2) กำหนดอัตรากำไรสูงสุดต่อหน่วยของสินค้าควบคุม หรือกำหนดอัตราส่วนแตกต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายสินค้าควบคุมในแต่ละช่วงการค้า
(3) กำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมแสดงราคาสินค้าควบคุม
(4) กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไขให้ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมปฏิบัติเกี่ยวกับการผลิต
การจ่ายแจกการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกนอกราชอาณาจักร การซื้อการจำหน่าย
หรือการเก็บรักษาสินค้าควบคุม
(5) กำหนดท้องที่ หรือกำหนดระยะเวลาในการใช้บังคับประกาศของคณะกรรมการ
(6) กำหนดให้แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย กระบวนการผลิตและวิธีการจำหน่ายสินค้าควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
(7) กำหนดให้มีการเก็บหรือเพิ่มปริมาณการเก็บสำรองสินค้าควบคุม และกำหนดท้องที่และสถานที่ให้เก็บสำรองสินค้าควบคุม
(8) ห้ามหรืออนุญาตการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในท้องที่หนึ่งที่ใดซึ่งสินค้าควบคุม
(9) สั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต การซื้อ การจำหน่าย
หรือการเก็บรักษาสินค้าควบคุม รวมทั้งให้ระงับหรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่กำหนดไว้เกินสมควร
(10) จัดให้มีการปันส่วนในการซื้อและการจำหน่ายสินค้าควบคุมหรือกำหนดเงื่อนไขในการซื้อและการจำหน่ายสินค้าควบคุม
(11) บังคับให้จำหน่ายสินค้าควบคุมตามปริมาณและราคาที่กำหนด ตลอดจนบังคับให้จำหน่ายแก่ส่วนราชการหรือบุคคลใดซึ่งคณะกรรมการกำหนด
(12) ห้ามการจำหน่าย ให้ ใช้เอง ยักย้าย หรือเปลี่ยนสภาพซึ่งสินค้าควบคุมเกินปริมาณที่กำหนด
(13) ให้เลขาธิการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการเกี่ยวกับการผลิต
การขนส่ง การซื้อ การจำหน่าย และการเก็บรักษาสินค้าควบคุม
(14) กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าควบคุมหรือครอบครองสินค้าควบคุมเกินปริมาณที่กำหนด
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดข้างต้นหรือเปลี่ยนแปลงราคาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่แจ้งรายการตามประกาศของคณะกรรมการกลาง
ต้องระวางโทษตามมาตรา 43 คือ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ เฉพาะในข้อ (3) ที่กำหนดให้ผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมต้องแสดงราคาสินค้าควบคุมต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ซึ่งเป็นกรณีที่มีโทษปรับสถานเดียว เลขาธิการกลางสำหรับกรุงเทพมหานคร หรือประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัด
สำหรับจังหวัดอื่น ๆ มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ทันทีหากชำระตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายใน
15 วัน คดีนั้นเป็นอันเลิกกัน
นอกจากนั้นตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 29 ยังห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจใด
โดยลำพัง สมคบ หรือร่วมกับบุคคลอื่นดำเนินการใด ๆ โดยจงใจที่จะกดราคาสินค้าให้ตกต่ำเกินสมควรหรือทำให้สูงเกินสมควรหรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้า
และมาตรา 30 บัญญัติว่า ห้ามมิให้บุคคลใดกักตุนสินค้าควบคุม โดยมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา
24 (14) หรือเก็บสินค้าควบคุมไว้ ณ สถานที่อื่นนอกจากที่เก็บตามที่ได้แจ้งไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา
24 (6) หรือผู้ประกอบธุรกิจใดซึ่งมีสินค้าควบคุมไว้เพื่อจำหน่าย แล้วไม่นำออกจำหน่ายหรือเสนอขายตามปกติ
หรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือประวิงการจำหน่าย หรือส่งมอบสินค้าควบคุมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 มาตรา 30 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับและหากผู้กระทำผิดเป็นคนต่างด้าว ให้เนรเทศผู้นั้นออกนอกราชอาณาจักรด้วย
นอกจากนั้นในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นนิติบุคคล กรรมการผู้จัดการ
ผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ
ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย
ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นระบบภาษีสากลที่ใช้จัดเก็บกันอยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นระบบภาษีที่ส่งเสริมการผลิตการส่งออก
ก่อเกิดการจ้างแรงงาน และเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยส่วนรวม แม้จะทำให้ผู้บริโภคคนสุดท้ายต้องรับภาระภาษีนี้ไป
แต่เมื่อสินค้าส่วนใหญ่ต้นทุนการผลิตต่ำลงราคาของสินค้าก็ควรจะต้องถูกลงไปด้วยผู้ผลิตหรือพ่อค้าผู้ใดที่คิดจะโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือค้ากำไรเกินควร หรือกำลังทำอยู่เลิกคิดทำซะเถอะครับนอกจากจะมีโทษทาง
กฎหมายแล้ว ชื่อเสียงของบริษัทและของตัวสินค้าก็จะเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้บริโภคสู้ฉวยโอกาสในช่วงนี้
ประกาศว่าตนจะรับภาระภาษีทั้งหมดไว้เองดูจะเข้าท่ากว่าเป็นไหน ๆ จริงไหมครับ