ความพ่ายแพ้ของระบบสังคมนิยมและการล่มสลายของระบบ CENTRAL PLANNING ทำให้ทิศทางการเติบโตของระบบเศรษฐกิจโลก
กำลังจะเคลื่อนที่เข้าสู่กลไกของระบบทุนนิยมมากขึ้น ส่งผลให้การเคลื่อนที่ของทุนมีความคล่องตัวไหลไปตามอุปสงค์และอุปทานที่เกิดขึ้นจริง
หมายความว่านับแต่นี้ไป โลกทั้งโลกกำลังจะกลายเป็นหนึ่งเดียว การเชื่อมต่อกันของสิ่งของต่าง
ๆ จะเป็นไปอย่างรวดเร็วการเปลี่ยนแปลงของที่หนึ่งย่อมส่งผลกระทบไปยังอีกที่หนึ่งโดยใช้เวลาไม่นานนัก
หรืออาจจะเพียงเสี้ยวนาทีหนึ่งด้วยซ้ำไป
เมื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดการเงิน (FINANCIAL MARKET) ในช่วงทศวรรษ
90 เกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากการเติบโตของระบบเศรษฐกิจโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของระบบคอมพิวเตอร์
รวมถึงการใช้นโยบายผ่อนปรน (DEREGULATION) แก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคต่อตลาดการเงินสิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ
และจะต้องส่งผลกระทบมาถึงตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศต่าง ๆ ในที่สุด
การตอบสนองต่อความก้าวหน้าของตลาดเงินจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ได้ก่อให้เกิด
"นวัตกรรมทางการเงินใหม่" (FINANCIAL INNOVATION) ซึ่งเป็นเทคนิคทางการเงินที่คิดค้นขึ้นมาในต่างประเทศ
อาทิ การเกิด DERIVATIVE SECURITIES อย่าง FUTURES, OPTIONS หรือ ASSET-BACKED
SECURITIES และการเกิดกิจกรรม เช่น MERGER&ACQUISTIONS, SWAP และARBITRAGE
เป็นต้น สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ และมีความยุ่งยากซับซ้อนต่อการที่จะเลือกลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดเราจึงจำเป็นต้องสร้าง
MARKET POWER ทำให้เหนือกว่าผู้อื่น นั่นคือเราควรจะรู้เท่าทันนวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้น
ประเด็นความน่าสนใจในที่นี้จึงพุ่งไปที่กระบวนการเกิดนวัตกรรม ซึ่งจะเกี่ยวข้องปัจจัยหลัก
ๆ 3 ประการด้วยกัน คือ
หนึ่ง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบการซื้อขายที่รวดเร็ว
มีความแม่นยำและสามารถรับข้อมูลได้ในปริมาณมาก หรือระบบการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลและมีความซับซ้อนได้ด้วยระยะเวลาเพียงเล็กน้อย
ทั้งหมดได้กลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญตัวหนึ่งที่ทำให้ตลาดการเงินเกิดการพัฒนาอย่างเด่นชัด
ยกตัวอย่างเช่น ELECTRONICS TRADING SYSTEMS ทำให้เราอาจจะซื้อขายหุ้นที่ประเทศอเมริกาได้
ในขณะที่อยู่ในประเทศไทย เป็นต้น และเมื่อตลาดทั่วโลกกำลังเดินทางเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวจักรที่จะเชื่อมตลาดการเงินของประเทศต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันอีกทางหนึ่ง
สอง การเกิดเครื่องมือในการลงทุนใหม่ ๆ (TRADING VEHICLE) ซึ่งจะเป็นพาหนะในการลงทุนในตลาดการเงิน
ว่าไปแล้วเครื่องมือที่เกิดขึ้นใหม่นี้ จะมีความซับซ้อนมาก จึงมีความเกี่ยวกันกับเทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลที่ดี
เพื่อใช้ในการดำเนินการซื้อขาย หรือในการวิเคราะห์เมื่อต้องการจะลงทุน
สาม ระบบข่าวสารข้อมูล (INFORMATION) นับได้ว่าเป็นรากฐานที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาการเงินไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัย
2 ที่กล่าวมาข้างต้น ข้อมูลและข่าวสารที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงินและตลาดทุนจะถูกรวบรวม
และวิเคราะห์ โดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้ได้ผลของการวิเคราะห์ที่ลึกขึ้นและเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มา จะนำไปใช้สนับสนุนการเลือกกลยุทธ์ที่จะลงทุนในแบบต่าง
ๆ
ปัจจัยทั้งสามประการนี้จะผสมปนเปกันจนกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิด "MARKET
POWER" ขึ้นในการลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของระบบข่าวสารข้อมูล นอกจากจะมีความสำคัญในตัวของมันเองแล้ว
ยังมีอิทธิพลต่อเทคโนโลยี และการสร้างเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งต้องอาศัยแหล่งข้อมูลไปใช้ในการศึกษาหาเครื่องมือใหม่
ๆ ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ต่อไป
ถ้าหากเรามองย้อนกลับมาที่เมืองไทย จะเห็นได้ว่าพัฒนาการของตลาดไทยเองก็ก้าวขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี เช่น การซื้อขายหุ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้เครื่องมือในการลงทุนใหม่
ๆ ที่นอกเหนือไปจากหุ้นสามัญ เริ่มเข้ามาให้เป็นที่รู้จักกันบ้างแล้ว เช่น
การออก ADR ในอเมริกาของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ และบริษัทกลุ่มชินวัตร คอมมิวนิเคชั่นและคอมพิวเตอร์
นอกจากนั้นยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลในการพัฒนาตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายเงินตราปริวรรต
การเกิดกฎหมาย SIB ทำให้การบริโภคข่าวสารข้อมูลของนักลงทุนที่เป็นการอาศัยข่าววงใน
ข่าวลือต่าง ๆ หรือไม่ก็เป็นข้อมูลพื้นฐานแบบง่าย ๆ ที่ยังไม่มีมาตรฐานเช่นแต่ก่อน
ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอแล้วต่อการสร้าง "MARKET POWER" ให้กับนักลงทุน
ต่อไปพฤติกรรมการใช้ข้อมูลของนักลงทุนกำลังจะถูกแทนที่ด้วย ลักษณะข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพด้วยจำนวนที่มากขึ้น
มีความหลากหลายขึ้น และจะผ่านกระบวนการวิเคราะห์และการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ
โดยจะผ่านคนกลางที่คอยรวบรวมจัดเก็บและนำเสนอให้กับผู้ลงทุน อย่างเช่น นายธนาคารข้อมูล
(INFORMATION BANKER) ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร (INFORMATION
BUSINESS) ในลักษณ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยอาจจะเริ่มจากเหล่านักวิชาการ
หรือ ผู้ที่อยู่ในวงการสื่อสารมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์สำนักวิจัยต่าง ๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดจากใครก็ตาม
ทิศทางของธุรกิจที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารและผู้ที่เป็นนายธนาคารข้อมูล จะกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้และจะเติบโตเคียงคู่ไปกับตลาดทุนไทยในอนาคตอันใกล้นี้