Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กุมภาพันธ์ 2551
LHรับกำไรขั้นต้นลด4ปีรวดระบุต้นทุนเพิ่มแต่ขึ้นราคาบ้านไม่ได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - แลนด์แอนด์เฮ้าส์

   
search resources

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.
อดิศร ธนนันท์นราพูล
Real Estate




แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รับกำไรขั้นต้นลดต่อเนื่องตลอด 4 ปี หตุต้นทุนเพิ่มคู่แข่งเพียบส่งผลให้ปรับราคาบ้านไม่ได้ เชื่อปี 51 ดีขึ้น ชี้การเมืองนิ่งตลาดอสังหาฯ ฟื้น ลุยเปิด 14 โครงการ พร้อมวางงบซื้อที่ดินเพิ่ม 4,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนธุรกิจให้เช่าเพิ่มภายใต้บริษัทร่วมทุนแอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ 600 ล้านบาท ปีนี้อีก 600 ล้านบาท ผุดเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ สุขุมวิท 19 กว่า 600 ห้อง เผยแผนปี 51 ยอดขาย 21,020 ล้านบาท

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมา ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นลดลงจากปี 2549 ที่ทำได้ถึง 31% เหลือเพียง 30.5% เท่านั้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จาก 38% เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นประกอบกับคู่แข่งในตลาด ทำให้ไม่สามารถปรับราคาขายตามต้นทุนได้

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีนี้กำไรขั้นต้นของการดำเนินธุรกิจน่าจะกลับมาอยู่ที่เดิมที่ 31% หลังจากที่ปี 50 ซัปพลายบ้านเดี่ยวในตลาดลดลงประมาณ 30% และจากความชัดเจนทางการเมือง การฟื้นของเศรษฐกิจตลาดบ้านเดี่ยวจะกลับมา และเชื่อว่าในปีนี้ราคาบ้านเดี่ยวมีโอกาสปรับขึ้นได้

ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 18,481 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2549 ประมาณ 4.9% และมีกำไรสุทธิ 3,158.9 ล้านบาท ขณะที่ปี 2549 มีกำไรสุทธิ 3,247.3 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน 0.53 :1

ที่ผ่านมาบริษัทใช้เงินลงทุนไปกับบริษัทในเครือแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 5,600 ล้านบาท ที่เหลือลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มการลงทุนโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่า เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ระยะยาว อีกทั้งธุรกิจนี้ยังมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงานและอื่นๆ

โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับกอทุนจีไอซีของสิงคโปร์ ในสัดส่วน 60 :40 จัดตั้งบริษัท บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทให้เช่าเป็นหลัก โครงการแรก วิลล่า นราธิวาส บ้านเดี่ยวให้เช่า 17 หลัง 2.โครงการแกรนด์ เซ็นเตอร์พอร์ย เชอร์วิสอพาร์ตเมนท์ กว่า 500 ห้อง ราคาเริ่มต้น 8,000 บาท/คืน

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ สุขุมวิท 19 จำนวน 600 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยในปีนี้จะต้องเพิ่มเงินลงทุนในบริษัทนี้อีก 600 ล้านบาท คาดว่าในช่วง 3 ปีนี้ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีกำไรจากธุรกิจให้เช่า 15% ของกำไรทั้งหมด

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ฯ กล่าวว่า ในปีนี้จะใช้เงินซื้อที่ดินใหม่รวม 4,000 ล้านบาทจากที่ปีที่ผ่านมาใช้เงินซื้อที่ดินใหม่ไป 3,000 ล้านบาท ในปีนี้ยอมรับว่าราคาวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8% แต่ที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามควบคุมต้นทุนในหลายวิธี เพราะสินค้าที่มีขายนั้นเป็นต้นทุนเก่า 50% และอีก 50% เป็นต้นทุนใหม่ ซึ่งในเรื่องการควบคุมต้นทุนนั้นส่วนหนึ่งได้มีการซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าบางส่วนโดยเฉพาะเหล็กซื้อล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ทำให้สามารถลดต้นทุนได้แต่บางส่วนเท่านั้นทำให้ต้องปรับขึ้นราคาบ้านอีก 2-3% ในปีนี้

ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 21,020 ล้านบาท หรือต้องส่งมอบบ้าน 4,456 ยูนิต เปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ทำให้มีโครงการขายในปี 51 รวมทั้งสิ้น 48 โครงการ

สำหรับภาพรวมของตลาดในปี 2551 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างซึ่งจะส่งผลให้ราคาบ้านปรับเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุมาจากปรับปรับตัวของราคาน้ำมันส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ทำให้ต้องมีการปรับราคาสินค้า ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ความกังวลของผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าอาจจะมีมากขึ้น นอกจากนี้ความเข้มงวดของการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและรายย่อยที่จะมีความเข้มงวดมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us