Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กุมภาพันธ์ 2551
แกรมมี่เร่งเครื่องธุรกิจหนังโรงคาดปีนี้ทุกช่องทางโกยเงิน500ล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ จำกัด

   
search resources

วิสูตร พูลวรลักษณ์
Organic Farming
จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ, บจก.




ภาพรวมหนังไทย 1,200 ล้าน มีแนวโน้มโตขึ้นเล็กน้อย แม้หลายค่ายรัดเข็มขัดลงทุนทำหนังลดลง ส่วนจีทีเอช มั่นใจศักยภาพ เตรียมส่งหนังเข้าฉายปีนี้ 6-7 เรื่อง มั่นใจ รายได้สูงถึง 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 257.34 จากทั้งหมด 5 เรื่อง

นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือจีทีเอช บริษัทในเครือแกรมมี่ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจภาพยนตร์ไทยในปีนี้ มองว่าน่าจะเติบโตขึ้นได้อีก จากปีก่อนที่มีมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท (ไม่รวมสมเด็จพระนเรศวร 2 เรื่อง) ถึงแม้ว่าจะต้องระมัดระวังปัจจัยภายนอกอย่างการเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ตลอด

สำหรับจีทีเอชเอง ปีนี้ยังคงให้ความสำคัญในการผลิตภาพยนตร์เข้าฉายประมาณ 6-7 เรื่อง โดยภายในครึ่งปีแรกจะออกฉาย 4 เรื่อง คือ กอด, ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น, สี่แพ่ง และรักสามเศร้า และอีก 3 เรื่องจะเข้าฉายในช่วงครึ่งปีหลัง ภายใต้ต้นทุนที่ไม่ได้ลดลงจากปีก่อน เฉลี่ยแต่ละเรื่อง จะอยู่ที่ 25-35 ล้านบาท มั่นใจว่าเฉลี่ยรายได้แต่ละเรื่องจะไม่ต่ำจากปีก่อนที่ทำได้ 51.47 ล้านบาท ต่อเรื่อง หรือในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประมาณ 300 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากช่องทางอื่น) แต่ถ้ารวมทุกช่องทางจะเป็น 500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามปีนี้ทางบริษัทฯจะพยายามหาพันธมิตรเข้ามาเสริมทัพในการลงทุนผลิตภาพยนตร์อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งไม่ได้มองแค่การเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์แต่มองว่าน่าจะทำอะไรร่วมกันได้ทั้งในด้านการผลิตและทำตลาดร่วมกัน ซึ่งแต่ละเรื่องคาดว่าจะใช้งบการตลาดที่ 15 ล้านบาท

ส่วนในปีก่อน จากการที่มีภาพยนตร์เข้าฉายเพียง 5 เรื่อง จึงมีรายได้จากโรงภาพยนตร์เพียง 257.34 ล้านบาท เฉลี่ยต่อเรื่อง มีรายได้ 51.47 ล้านบาท โดยมีรายได้จากช่องทางอื่นๆอีกเช่น รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ในต่างประเทศ 80 ล้านบาท, รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ จากการทำวีซีดีและดีวีดี 60 ล้านบาท, รายได้จากการขายสิทธิ์ให้กับเคเบิลทีวี 10 ล้านบาท และรายได้จากการขายเพลงประกอบภาพยนตร์ 10 ล้านบาท รวมรายได้ในปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 417.34 ล้านบาท

นายวิสูตร กล่าวต่อว่า แนวโน้มตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศ ขณะนี้ภาพยนตร์แนวแอคชั่นและสยองขวัญ เป็นที่ต้องการสูง ส่วนทางจีทีเอช ค่อนข้างทำได้ในกลุ่มภาพยนตร์สยองขวัญ ซึ่งประสบความสำเร็จกับเรื่อง ชัตเตอร์ หลังจากที่ออกสู่ตลาดต่างประเทศ ภายใน 3 ปีที่รับรู้รายได้อยู่ที่ 115 ล้านบาท และอีกเรื่องที่มองว่าจะมีรายได้ที่ดีอีกเรื่องคือ แฝด ขณะนี้รับรู้รายได้แล้วประมาณ 66.5 ล้านบาท

โดยภาพรวมธุรกิจภาพยนตร์ไทยในปีที่ผ่านมา หากไม่รวมเรื่อง พระนเรศวรมหาราช อันดับหนึ่ง คือค่ายสหมงคลฟิล์ม ทำรายได้ไปกว่า 390.55 ล้านบาท จากภาพยนตร์ 12 เรื่อง อันดับสองคือ จีทีเอช ทำรายได้ 257.30 ล้านบาท จากภาพยนตร์ 5 เรื่อง และอันดับสาม คือ อาร์เอส ทำได้231.32 ล้านบาท จากภาพยนตร์ 5 เรื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us