Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กุมภาพันธ์ 2551
IRPปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อย เผยเพิ่มกำลังผลิตทยอยเสร็จ2ปี             
 


   
search resources

Chemicals and Plastics
อินโดรามา โพลิเมอร์ส, บมจ. - Indorama Polymers




IRP ตั้งบริษัทย่อยที่สหรัฐฯ เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อย พร้อมแจ้งผลงานงวดสิ้นปี 50 มีกำไรเ 1,072.68 หรือเพิ่มขึ้น 36.78% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากรายได้พุ่งไปที่ 11,863 ล้านบาท ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น คาดโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 3 แห่ง แล้วเสร็จภายใน2 ปีนี้

นายอาลก โลเฮีย รองประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) (IRP) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2551 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ใน สหรัฐฯ คือ บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด (Indorama Polymers (USA) Inc.) ด้วยทุนจดทะเบียน 44 ล้านเหรียญสหรัฐ และ IRP ถือหุ้น 100% เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อยใน สหรัฐอเมริกา พร้อมให้บริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ที่บริษัทถืออยู่ 100% เป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยจะดำเนินการทันทีที่จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เสร็จ

โดย IRP แจ้งผลการดำเนินงานปี50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,072.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288.42 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 784.26 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.57 บาท เป็น 0.78 บาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 36.78% เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 25,559 บาท หรือเพิ่มขึ้น 115.5% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายเม็ดพลาสติก PETที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายไม่รวมค่าเสื่อมราคา เพิ่มจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่สูงขึ้น

สำหรับโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 2 โครงการ และโครงการที่จะเข้าซื้อใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัท เอเซีย เพ็ท (ไทยแลนด์) จำกัด ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกขั้นกลางเป็น 180,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 60% จากในปี49 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ โครงการก่อสร้างโรงงานเม็ดพลาสติก PET ของบริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET แห่งใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิตที่ 432,000 ตันต่อปี คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/52

รวมทั้งบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส ยุโรป จำกัด ประเทศลิทัวเนีย และบริษัทย่อยสองแห่ง จะเข้าซื้อโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่เนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่อังกฤษ จากบริษัท อีสแมน เคมิคอลล์ส จำกัด โดยโรงงานทั้งสองแห่งจะมีกำลังการผลิตรวมกันที่ 355,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2551   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us