“เพอร์เฟค”ประกาศทิศทางลงทุนปี 51 ปรับพอร์ตลุยลงทุนคอนโดมิเนียมมากขึ้น จากที่ปีก่อนแตะเบรก เหตุในตลาดมีคอนโดมิเนียมติด EIA ถึง 197 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ตลาดคอนโดฯ ยังแรงไม่เลิก เตรียมผุดโครงการใหม่รวม 6 แห่ง มูลค่า 16,000 ล้านบาท

กระแสโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ จำนวน 197 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท เพราะติดปัญหายังไม่ผ่านกฎเหล็ก คือ สิ่งแวดล้อม (EIA) ทำให้ปีก่อนโครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่ง ไม่สามารถก่อสร้างได้ตามแผน แม้ว่าจะมียอดขายแล้วก็ตาม ทำให้โครงการดังกล่าวถูกดองไว้ตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงโครงการของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ด้วยที่มีโครงการที่อยู่ระหว่างขอ EIA 1 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก แต่ยังไม่ได้ใบอนุญาต จนทำให้ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ตามแผนในปีก่อน แต่คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะได้รับใบอนุญาต และสามารถเปิดขายและก่อสร้างได้ภายในไม่เกินกลางปีนี้

ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของเพอร์เฟคในปีนี้ จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่สัดส่วน 21% ของการลงทุนทั้งหมด เพิ่มเป็น 25% เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ค้างมาจากปีก่อนที่ยังไม่ได้เปิดตัว เพราะติดปัญหาเรื่องขอ EIA ทำให้โครงการดังกล่าวต้องเลื่อนมาเปิดตัวในปีนี้แทน จึงทำให้ปีนี้เพอร์เฟคจะมีการลงทุนคอนโดมิเนียมมากขึ้น

โดยแผนลงทุนปีนี้จะเปิดโครงการใหม่รวม 6 โครงการ ทั้งแนวสูง และแนวราบ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ 1.เพอร์เฟค พาร์ค ร่มเกล้า เฟสแรก 60 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 3 ล้านบาทเศษ มูลค่า 600 ล้านบาท 2.เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์ - บางรักน้อย พื้นที่ 100 กว่าไร่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เฟสแรกเป็นบ้านเดี่ยว 300-400 ยูนิต ราคา 3.99 ล้านบาท มูลค่า 1,000 ล้านบาท 3.เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พัฒนาการ พื้นที่รวมเกือบ 300 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่า 3,000 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท

4.เมโทร พาร์ค สาทร คอนโดมิเนียมรวม 2,000 ยูนิต ราคายูนิตละเกือบ 2 ล้านบาท มูลค่า 4,000 ล้านบาท 5.เมโทร พาร์ค รัชดาภิเษก ขณะนี้อยู่ระหว่างขอ EIA ซึ่งหากได้ใบอนุญาตที่สามารถสร้างได้ 8 ชั้น โครงการจะมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท หากสร้างได้สูงกว่านี้ มูลค่าจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้อยู่กับใบอนุญาตที่จะได้รับ และ 6.โครงการบริเวณถนนสุขุมวิท มูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะสรุปการเจรจาเร็ว ๆ นี้

ปัจจุบันบริษัทฯ แลนด์แบงก์ จำนวน 2,000 ไร่ อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายม่วง ประมาณ 1,000 ไร่ แนว แอร์พอร์ตลิงก์ จำนวน 500 ไร่ ส่วนอีก 500 ไร่ที่เหลือ อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน อาทิ ถนนรัชดาภิเษก ย่านศูนย์วัฒนธรรม และสุขุมวิท นอกจากนี้ ยังเตรียมเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่มในปีนี้

สำหรับผลประกอบการปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 9,000 ล้านบาทโตจากปีที่ผ่านมา 40% ที่มียอดขาย 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 6,000 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาท มาจากคอนโดมิเนียม ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมาที่มียอดรับรู้รายได้ 6,200 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายรอรับรู้ 3,500 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรอการรับรู้ 4,000 ล้านบาท