Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2535
"พาร์ตเนอร์ธุรกิจของคาเธ่ย์โฆษณา"             
 


   
search resources

คาเธ่ย์ คอมมิวนิเคชั่น
สมชาย นนทิสกุล
Advertising and Public Relations




คาเธ่ย์ฯ เจ๊งแล้วหรือ ? เป็นคำถามที่ออกจากปากคนในวงการโฆษณาและการตลาดมาแล้วกว่า 2 เดือนเต็ม ๆ

จะว่าไปแล้วข่าวลือที่ปรากฏสู่คนในวงการได้กลายเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับชื่อเสียงของคาเธ่ย์ได้อย่างกลาย ๆ ทำให้คนรู้จักคาเธ่ย์มากยิ่งขึ้นและถ้าหากคาเธ่ย์ฯ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคในเบื้องต้นนี้ไปได้คาเธ่ย์ฯ ก็จะยิ่งได้เครดิตในวงการมากขึ้นกว่าเท่าตัว

ผลสะท้อนของข่าวลือ มีผลทำให้คนทุกคนสนใจข่าวคราวเกี่ยวกับความเป็นไปมาของคาเธ่ย์ฯ ว่า คาเธ่ย์ฯ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นผู้ก่อตั้งผู้บริหารมีใครบ้าง มีประสบการณ์ในวงการมากี่มากน้อย บิลลิ่งที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ลูกค้ามีอยู่ในมือมากน้อยแค่ไหน และฝีมือในการทำหนังโฆษณาแต่ละชิ้นที่ออกสู่อากาศหรือสื่อต่าง ๆ เป็นอย่างไร

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นการย้ำเตือนให้คาเธ่ย์ฯ ได้อยู่ในสายตาของคนในวงการทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงและไม่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกันบุคคลอันเป็นเจ้าของเรื่อง ซึ่งถูกกระทบโดยตรงคือ สมชาย นนทิสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทคาเธ่ย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัดกลับดำเนินงานไปตามปกติอย่างเงียบเฉยและไม่มีทีท่าว่าจะออกมาโต้ข่าวลือนั่นแต่อย่างใด คงปล่อยให้เป็นข่าวลือมานานนับเดือน

สมชายเล่าว่าบริษัท คาเธ่ย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นประมาณต้นปี 2533 อันเกิดจากการรวมตัวของศิษย์เก่าคาเธ่ย์ฯ ที่ถือกันว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการโฆษณาของไทยในยุคต้น ๆ ซึ่งคาเธ่ย์ฯ ในอดีตเกิดขึ้นเมื่อปี 2496 เป็นบริษัทสาขาของบริษัทคาเธ่ย์ แอดเวอร์ไทซิ่ง ฮ่องกง ซึ่งหลังจากสร้างสาขาในเมืองไทยไม่นาน บริษัทแม่ที่ฮ่องกงก็ถูก TAKE OVER โดยจอร์จ แพทเทอร์สันและได้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของเทดเบทส์

กระนั้นศิษย์เก่าคาเธ่ย์ฯ ก็ยังคงทำงานอยู่ที่เทคเบทส์เรื่อยมาจนกระทั่งเทดเบสท์ถูก TAKE OVER อีกครั้งโดย ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ทำให้พนักงานเก่าต้องแตกกระสานแยกย้ายกันไปในที่สุด บ้างก็เปิดธุรกิจส่วนตัว บ้างก็วนเวียนอยู่ในวงการโฆษณาตามสายอาชีพที่ตนเองถนัด

สมชาย นนทิสกุล เป็นศิษย์เก่าคา-เธ่ย์ฯ โดยแท้เติบโตในสายครีเอทีฟมาตลอด เป็นผู้หนึ่งที่เดินตามรอยเดิมในสายอาชีพนี้ เพราะมองเห็นแล้วว่าอุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทยยังมีโอกาสก้าวไกล

เขาเริ่มต้นชีวิตการทำงานในสายโฆษณาเมื่อ 28 ปีที่แล้วโดยเริ่มจาก ดีทแฮล์มโฆษณาเป็นงานแรก เขาเติบโตมาทางด้านอาร์ตมาโดยตลอด แม้จะละทิ้งวงการเพื่อไปศึกษาและทำงานโฆษณาที่นิวยอร์ก และกลับเข้ามาทำงานด้านโฆษณาในเมืองไทย โดยเริ่มต้นที่คาเธ่ย์ แอดเวอร์ไทซิ่ง เมื่อปี 2512 เป็นต้นมาในสายครีเอทีฟ ซึ่งเป็นสายงานที่ได้พาชีวิตของสมชาย รุ่งโรจน์ มาจน ณ วันนี้ซึ่งมีอายุครบ 43 ปีพอดี

ในขณะที่บุญทรง อนงคณะตระกูลและธวัชชัย สุธัญญาพฤทธิ์ศิษย์เก่าคาเธ่ย์ฯ เช่นเดียวกันกับสมชายได้ร่วมกับไมเคิลโคโนเวนไรอัน เปิดบริษัท "เอ-เอ็มแอนด์อาร์" ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น "ดีเอ็มบีแอนด์บี" แต่ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับสมชายเพื่อเปิด "คาเธ่ย์คอมมิวนิเคชั่น" อีกครั้งเมื่อ 2 ปีก่อน "มันเป็นความฝังใจของสมชายที่ต้องการจะทำให้ชื่อเสียงของคาเธ่ย์ฯ ในอดีตกลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง" แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดหนึ่งในผู้ถือหุ้นของสมชายกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ตลอดช่วง 2 ปีที่คาเธ่ย์ฯ เปิดดำเนินการในวงการอุคสาหกรรมโฆษณามา ได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนในวงการอย่างมาก ทั้งนี้เพราะชื่อเสียงของผู้ถือหุ้นที่สมชายดึงเข้าร่วมต่างเป็นที่โจษขานในทางลบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไรอัน ว่ากันว่าเป็นผู้ที่แอ่นอกรับแทนเพื่อนฝูงและลูกน้องจนมีคดีฟ้องร้องติดตัวมาหลายคดีซึ่งยังคงเป็นความอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับหนี้สินต่าง ๆ

อย่างไรก็ตามสมชายก็ได้เปิดคาเธ่ย์ฯ ขึ้นโดยการรวม "เทควัน" ของตนเองเข้ากับ "ดีเอ็มบีแอนด์บี" ของธวัชชัย,ไรอันและบุญทรงเข้าด้วยกันแล้วใช้ชื่อเดิมคือคาเธ่ย์ฯ ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มูลค่าหุ้นละ100 บาท กลุ่มของสมชายและบริษัทบิ๊กแฮนด์ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสมชายถือหุ้นรวมกันประมาณ 100,000 หุ้นในขณะที่ฝ่ายดีเอ็มบีแอนด์บีโดยมี ไรอั้น, บุญทรงและธวัชชัยถือหุ้น 40,000,30,000 และ 30,000 หุ้นตามลำดับ

กระแสข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของคาเธ่ย์ฯ เป็นที่ร่ำลือกันในวงการอย่างหนาหูว่า หลังจากคาเธ่ย์ดำเนินกิจการมาได้ขวบปีที่ 2 นี้หุ้นส่วนเกิดแตกคอ เพราะการแตกแยกในความคิดจนถึงขั้นถอนตัวออกไม่ร่วมบริหารและถอนหุ้นคืนในที่สุดความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้จะเป็นวิถีทางหนึ่งที่ทำให้คาเธ่ย์ฯ ของสมชายต้องมีอันเป็นไป

นอกจากนี้ยังเลยไปถึงความไม่มั่นใจของพนักงานที่มีอยู่ 67 คนและลูกค้าทั้ง 16 รายบิลลิ่ง 200 ล้านบาทในปัจจุบัน (จากปี'33 ถืออยู่ 22 ราย) อีกด้วย

มีการวิเคราะห์กันเป็น 2 ประเด็นว่า ข่าวลือดังกล่าวอาจจะออกมาจากผู้ที่ถอนหุ้นออกไปหรืออาจจะมาจากปากคำของผู้ไม่หวังดีกับบริษัท พูดง่าย ๆ ก็คือมาจากผู้ที่ออกจากคาเธ่ย์ฯ ไปด้วยความไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้สมชายเองก็ปิดปากเงียบไม่ยอมพาดพิงหรือกล่าวให้ร้ายใคร จึงกลายเป็นเรื่องที่ต่างคาดเดากันไปเอง

สมชายบอกว่าข่าวลือเรื่องคาเธ่ย์ฯ จะเจ๊งไม่ต้องล้างมันออก เหตุผลที่ไม่ต้องล้างคือ ความไม่จริงของข่าว ยิ่งตามแก้ตามล้างก็ยิ่งเเละ ความเป็นธรรมชาติของบริษัทต่าง ๆ ในทุกวงการเกี่ยวกับข่าวลือมักมีเสมอเพราะการเข้าออกของพนักงานย่อมมีผู้หวังดีและไม่หวังดีปะปนกันไป

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไปคาเธ่ย์ฯ ก็มีข่าวใหม่ปรากฏสู่สาธารณชนอีกครั้งคือการได้ลูกค้าใหม่จากค่ายผู้ผลิตรถบรรทุกชื่อดังคือ ตรีเพชร อีซูซุ ได้มอบหมายให้คาเธ่ย์ฯผลิตหนังโฆษณานำเข้า "ซาป" จากสวีเดนออกอากาศ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไปด้วยงบกว่า 50 ล้านบาท

ขณะเดียวกันคาเธ่ย์ฯ ก็สามารถยกระดับการเป็นเอเยนซีท้องถิ่นให้กลายเป็นเอเยนซีระดับสากลได้ภายในช่วงเวลา 3 เดือน โดยการหาพาร์ตเนอร์เข้าร่วมบริหารงาน ซึ่งเป็นบริษัทเอเยนซีที่มีชื่อเสียง และใหญ่เป็นอันดับ 1 ของสิงคโปร์มีบิลลิ่งเป็นพัน ๆ ล้านเหรียญสิงคโปร์คือ "เบทตี้" (BATEY COMMUNICATION GROUP) ลูกค้าที่เบทตี้ถืออยู่ล้วนเป็นสินค้าชั้นนำแทบทั้งสิ้น อาทิ สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์, สิงคโปร์ทัวริสต์สปอร์ต , โรงแรมแชงกรี-ลา, ยาหม่องตราเสือเป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่เลือก "เบทตี้แอด" นี้สมชายให้เหตุผลว่าเพราะเป็นคนในเอเชียด้วยกันการสื่อสารกันจึงเป็นในลักษณะของการเข้าใจกันดี ขณะเดียวกันเอียนเบทตี้ เจ้าของเบทตี้วัย 50 ปีเป็นคนในสายครีเอทีฟซึ่งเป็นสายเดียวกันกับสมชายยิ่งทำให้คุยกันง่าย

"การเข้าร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมกันในระดับหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ใช่เป็นการถือหุ้นร่วม แต่ก็มีการส่งผ่านลูกค้าที่เบทตี้ถืออยู่ในสิงคโปร์และเมืองไทยให้คาเธ่ย์ได้รับผิดชอบด้วยเช่น ยาหม่องตราเสือเป็นสินค้าตัวแรกที่ได้ทำโฆษณารับช่วงจากดีทแฮล์ม ส่วนลูกค้ารายต่อไปที่มีการเจรจาและมีทีท่าว่าคาเธ่ย์ฯ จะได้มาอีกคือ โรงแรมแชงกรี-ลาซึ่งปัจจุบัน ซาทชิแอนด์ซาทชิถือแอคเคาทน์นี้อยู่ นอกจากนี้สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ซึ่งเป็นสายการบินระดับชาติเป็นเป้าหมายต่อไปที่เราคาดหวังเอาไว้อย่างสูง" สมชายเล่าถึงผลทางธุรกิจที่จะได้จากทางเบ็ทตี้

แต่ประเด็นสำคัญของการเข้าร่วมครั้งนี้มิใช่เพียงแค่ส่งต่อลูกค้าให้แก่กันและทำให้บิลลิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น สิ่งที่คาเธ่ย์ฯ จะได้จากการเป็นพาร์ตเนอร์ของเบทตี้ในครั้งนี้คือ การได้เรียนรู้โนว์ฮาวจากเบทตี้ โดยขั้นแรกของการเป็นพาร์ตเนอร์ฯ กันนั้นทางคาเธ่ย์ฯ ได้ส่งพนักงานไปเรียนรู้งานด้านครีเอทีฟจากเบทตี้ที่สิงคโปร์แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่น่าพิจารณาคือ ฐานะของความเป็นเอเยนซี่ท้องถิ่นก็ได้ถูกปรับตัวยกระดับเป็นสากลตามขึ้นมาทันทีอีกด้วย

ซึ่งเรื่องนี้สมชายกล่าวว่าความหมายของการเป็นเอเยนซีสากลคือวิถีทางหนึ่งของการต่อสู้ในตลาดอุตสาหกรรมโฆษณาปัจจุบัน เพราะการเป็นเอเยนซีท้องถิ่น ทำให้มีข้อจำกัดที่จะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงงานสินค้าที่เป็นอินเตอร์ซึ่งนับวันจะมีสินค้าเหล่านี้หลั่งไหลเข้าเมืองไทยอย่างมากมาย จึงนับว่าเป็นการขยับตัวของคาเธ่ย์ฯ เองเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคตพร้อม ๆ กับเป็นการพิสูจน์ตนเองจากข่าวลือที่ว่าคาเธ่ย์ฯ จะเจ๊งไปด้วยในตัว

นอกจากนี้สมชายยังคาดหวังในอนาคตไว้อีกว่าหากวันใดที่มีเอเยนซี่ต่างชาติระดับใหญ่ที่สนใจจะเข้าร่วมกับคาเธ่ย์ฯ ก็จะรับไว้พิจารณาอีก ทั้งนี้เพราะเอเยนซีเหล่านี้เขารู้ว่าในอนาคตเมืองไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต ้ และสามารถพัฒนาไปได้เร็วจึงคิดที่จะเข้ามาทำธุรกิจด้านโฆษณาโดยร่วมกับคนท้องถิ่นซึ่ง มีอยู่หลายรายเช่นกันที่กำลังรอการยกระดับตนเองอยู่เช่นเดียวกับคาเธ่ย์ฯ ด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us