Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2535
"การทำงานบุกเบิกของนักวิชาการสิ่งแวดล้อม"             
 


   
search resources

สุรพล สุดารา
Environment




มีนักวิชาการน้อยคนนักเป็นนักอนุรักษ์และยิ่งน้อยลงไปอีกสำหรับการเป็นนักอนุรักษ์เชิงรุกแต่จำนวนอันน้อยนิดนี้มีสุรพล สุดาราเป็นคนหนึ่งที่ร่วมขบวนด้วยในระดับที่ถือว่าเป็นหัวแถว

โดยภาระหน้าที่หลัก "ดร. สุรพล สุดารา" เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเพียง "ครู" คนหนึ่ง แต่อาจกล่าวได้ว่าไม่มีผู้คนที่สนใจข่าวสารบ้านเมืองคนใดไม่เคยได้ยินชื่อเขา ยิ่งผู้บริหารประเทศ คนของรัฐในหน่วยงานด้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากร โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตยิ่งค่อนข้างจะคุ้นเคยด้วยเหตุว่าหลาย ๆ โครงการของหน่วยงานเหล่านี้เคยได้รับการติติงคัดค้านจากนักชีววิทยาคนนี้มาแล้ว

โครงการสร้างเขื่อนต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อภาวะแวดล้อมซึ่งขบวนการอนุรักษ์ทั้งหลายแสดงการคัดค้านจนกระทั่งต้องพับโครงการไป นับตั้งแต่เขื่อนน้ำโจน เขื่อนแก่งกรุง เบื้องหลังส่วนหนึ่งนั้นล้วนเกิดจากการออกโรงเคลื่อนไหวโดยสุรพล

ภาพพจน์แห่งการเป็นนักต่อต้าน เป็นหัวขบวนของกลุ่มพลังอนุรักษ์ที่ได้รับตามมาจึงนับว่าไม่อาจปฏิเสธ แม้ว่าจะไม่ใช่ภาพพจน์ที่ครอบคลุม

"มีหลายเรื่องที่ผมเข้าไปสนับสนุน แต่คนไม่เคยรู้และไม่เคยเอามาพูด หลายอย่างที่ทำสำเร็จได้ในตอนหลังถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือผมต่อต้านในตอนนั้น สะกิดกันให้ถูกทางมันไม่เกิด เหมือนอีสท์เทริร์น์ซีบอร์ดเวลานี้คนที่ได้ เครดิตคือคนที่ในเวลาเมื่อสมัยที่พลเอกชาติชายเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมยังไม่มีใครรู้จักเขาตอนนั้นคืออุตสาหกรรมหนัก จะเกิดที่แหลมฉบังพวกผมก็รณรงค์ต่อต้าน ถึงกับคณะกรรมการต่าง ๆ ขึ้นมา 7 คณะ พิจารณากันในที่สุดก็เห็นว่าแหลมฉบังไม่เหมาะสมจริง ๆ ที่เหมาะสมคือมาบตาพุต" สุรพลเล่าถึงเบื้องหลังที่น้อยคนนักได้รับรู้

ความสำเร็จในการย้ายตลาดนัดออกจากสนามหลวงไปสู่สวนจตุจักรก็มีรายละเอียดแบบเดียวกันนี้ด้วย ในลักษณะของการทำงานร่วมกับรัฐบาลคอยให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งทั้งที่เป็นด้านดีและไม่ดีเพื่อชี้ว่ารัฐควรหรือไม่ควรทำอะไรแค่ไหน

สุรพลมีบทบาทด้านการอนุรักษ์มาแล้ว 20 ปีเต็มๆ ตั้งแต่เมื่อแรกกลับมาถึงเมืองไทยหลังจากจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฮาวาย และทำงานที่นั่นอยู่หลายปีในตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติและมั่นคง โดยที่ภรรยาก็ได้เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วย ไม่มีใครนึกว่าเขาจะกลับมา แต่ทั้งสองคนตัดสินใจเลือกที่จะทำงานให้กับบ้านเกิดมากกว่า

ขณะนั้นความตื่นตัวต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังระบาดไปทั่วโลก เนื่องจาก ปรากฏการณ์ความเลวร้าย ตลอดจนความเสื่อมทรามทางระบบนิเวศน์กำลังปะทุขึ้นทั่วไป การประท้วงโดยกลุ่มชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษามีขึ้นที่โน้นที่นี่มากมายไปหมด โดยเหตุที่เขาได้เข้าร่วมและได้เก็บรับประสบการณ์เหล่านี้มาพอสมควร ความตั้งใจที่จะจับงานด้านนี้จึงมีมาแต่แรกทว่าก็ไม่เคยกำหนดไว้เลยว่าจะเป็นนักคัดค้าน ความตั้งใจที่พกกลับมาด้วยมีเพียงว่าจะต้องรณรงค์ให้คนไทยตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น

เขาเข้าเป็นอาจารย์ ในสถาบันที่บ่มเพาะตนเองมาโดยเชื่อว่าในสถานะเช่นนั้นจะสามารถทำงานดังตั้งใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอนหรือการเผยแพร่งานวิจัย ซึ่งประการหลังไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก

"ผมเริ่มต้นในรูปของการให้ความรู้ผ่านสื่อมวลชน ระยะแรก ๆ ก็อึดอัดเพราะว่าไม่ค่อยมีใครยอมรับ เลยคิดว่าทำเองดีกว่า ผมเข้าทำวิทยุจุฬาฯ ตั้งแต่ตอนนั้น พูดเรื่องทางวิชาการทั่ว ๆ ไป เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมติดต่อกันเรื่อยมาเป็นลำดับ ต่อจากวิทยุจุฬาฯ ก็ไปทำรายการมหาวิทยาลัยทางอากาศ ทำมาประมาณ 13 ปีไม่เคยหยุดเลยทุก ๆ วันอังคาร" สุรพลยังคงทำงานรณรงค์จนถึงทุกวันนี้

บทบาทในด้านการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่ตามมาในภายหลัง อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งเขารู้จักคุ้นเคยกับสื่อมวลชนพอสมควรเมื่อผลงานสะท้อนให้เห็นถึงฝีมือมากขึ้นๆ พร้อมๆ กับได้สัมพันธ์กับใครต่อใครมากขึ้นกลุ่มต่าง ๆ ก็เข้ามาติดต่อประสานงาน ขอความร่วมมือด้วยเป็นจำนวนมาก

โดยทั่วไปแล้วเขามักจะตอบรับด้วยความยินดีไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมขบวนกับองค์กรอนุรักษ์ระดับใด นักศึกษาหรือนักพัฒนาหรือราชการ ขอเพียงให้งานนั้นมีเป้าหมายเพื่อการพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องถึงต้องต่อสู้กับอำนาจใหญ่โตก็ไม่ละเว้น

"เป็นเรื่องความสำคัญของงานด้วย อันไหนคิดว่าพลาดไม่ได้ผมกระโดดลงไปต่อสู้เต็มตัวเลย อย่างโครงการเขื่อนต่าง ๆ พวกนี้ไม่ได้ เราต้องรักษาสิ่งที่มันจะทำลายก็มีการค้านหลายเรื่องที่ผมไม่เข้าไปร่วม อาจจะยินดีให้ใช้ชื่อแต่เผอิญไม่ว่าเรื่องไหนพอกระโดดไปแล้วผมไม่ค่อยถอย และทุกครั้งผมมีเหตุมีผลที่จะพูด"

การที่โครงการเขื่อนน้ำโจนยังคงถูกพับอยู่จนบัดนี้ไม่ว่าจะมองว่าเป็นความดีหรือความชอบก็จำเป็นต้องยกให้ว่าเป็นนักวิชาการคนนี้ เพราะเขาคือ 1 ใน 2 ผู้เข้าไปแจกแจงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการมีเขื่อนให้กับคณะรัฐมนตรียุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ทั้งคณะฟัง การตัดสินใจของ ครม. ในที่สุดเป็นเครื่องที่บ่งบอกอยู่เองแล้วว่า ข้อมูลและการทำงานของคนคนนี้มีน้ำหนักเพียงใด

อย่างไรก็ตามขอบเขตงานเชิงสร้างสรรค์ที่เขาทำมิได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ เหล่านี้เท่านั้น …

นอกเหนือจากงานวิชาการในรูปของการสอนหนังสือแล้ว สุรพลมีทีมเล็ก ๆ ทำงานวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลอยู่ในความดูแลด้วย ซึ่งในเมืองไทยนับว่าค่อนข้างจะเป็นสาขาวิชาการใหม่ ยังขาดข้อมูลและความรู้อีกมาก

สุรพลเล่าว่า "หน่วยวิจัยปะการังและหญ้าทะเลเกิดเพราะเราเห็นว่างานนี้น่าทำ ไม่มีคนทำ ตอนแรกก็มีกัน 3-4 คน ลูกศิษย์ของผม แล้วก็เริ่มมีงานออกมามากขึ้น ๆ จนเริ่มมีชื่อ สร้างเด็ก ๆ ของผมขึ้นมาเป็นรุ่น ๆ หลายรุ่นแล้ว"

ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของจุฬาฯ หน่วยวิจัยนี้จึงขึ้นต่อคณะวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงิน ที่ดำเนินการมาได้ก็ด้วยการทำงานวิจัยพร้อม ๆ ไปกับการหาทุนรอนอาจจะด้วยการรับจ้างหน่วยงานบางแห่งเช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมป่าไม้ หรือสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติค้นคว้าและเก็บข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ จนกระทั่งในตอนหลังนี้เมื่อโครงการอาเซียนออสเตรเลียมีเงินทุนให้สำหรับการวิจัยด้านปะการังโดยตรงทางหน่วยฯ รับมาทำก็สามารถทำให้จัดหาอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ความเป็นนักนิยมธรรมชาติของสุรพลโดยพื้นฐานนั้นได้สั่งสมอยู่ในจิตใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว จากการติดตามพ่อออกไปท่องเที่ยวสัมผัสกับป่าเขาและผืนทะเลหลาย ๆ แห่ง

"ผมมีความประทับใจว่าธรรมชาติเป็นสิ่งซึ่งให้ประโยชน์กับคนมาก ผมเป็นคนกรุงเทพ แต่พ่อได้พาไปเที่ยวดูธรรมชาติที่ต่าง ๆ มาก ทำให้ได้เห็นได้เรียนรู้ เมื่อเรียนหนังสือก็สนใจทางด้านวิชาชีวะ ผมคงจะต้องยกความดีทั้งหลายให้ ดร. คุ้ม วัชโรบล ซึ่งถ่ายทอดความรู้ให้มาตั้งแต่ปี 1 พาออกไปนอกสถานที่ ไปทะเลเป็นหลักไปป่าดูแมลง ดูของจริงกันมากกว่าจะนั่งทำในห้องปฏิบัติการ" สุรพลย้อนเล่าถึงความหลัง

แท้จริงแรกเริ่มเมื่อก้าวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา สุรพล สุดาราเลือกที่จะเป็นนายแพทย์เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ 1 ปีเต็ม ๆ ก่อนจะพบว่า ความหดหู่จากการป่วยไข้นั้นไม่เหมาะสมกับตนเองเลย ขณะเดียวกันเขาเริ่มติดใจในวิชาชีววิทยาอย่างจริงจังขึ้น จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนเข็มการเรียน แต่สิ่งที่รักมาแต่ต้นอีกสิ่งหนึ่งก็คืองานด้านการสร้างสรรค์เชิงศิลปะ เขาคงจะได้เป็นสถาปนิกด้วยซ้ำไปถ้าไม่ถูกจูงใจให้เลือกสมัครแพทย์เสียก่อน

ด้านนี้มีเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ สมัยเป็นนิสิตเขาคือประธานเชียร์ผู้ริเริ่มวางรากฐานการแปรอักษรแบบต่าง ๆ ในงานฟุตบอลประเพณี เขาชอบการวาดรูปและเป็นมือระดับที่เคยได้รับรางวัล เขาเล่นดนตรีเป็นคนหนึ่งที่ร่วมก่อตั้งวงดนตรีของนักศึกษาจุฬาฯ CU BRAND และ ณ วันนี้ก็ยังคงต้องรับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมดนตรีสากลตามคำเรียกร้องของนักศึกษา

สุรพล สุดารา ไม่เคยจำกัดตัวเองว่าเป็นนักวิชาการแล้วต้องอยู่แต่ภายในร่มรั้วของมหาวิทยาลัย หรือปฏิบัติงานเพียงเฉพาะในกรอบของหน้าหนังสือตำราต่าง ๆ เท่านั้น ขอบเขตการเป็นนักอนุรักษ์ก็เช่นเดียวกัน มิได้ว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรเพียงประการเดียว

เขาเป็นกรรมการวิชาการให้กับมูลนิธิสืบนาคะเสถียรพร้อมกันก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกันนี้ด้วย ที่สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสภาพแวดล้อม ซึ่งให้ความสนใจกับการรักษาโบราณสถานไม่น้อยกว่าการพิทักษ์ป่า

"ผมไม่เคยสนใจว่าต้องทำให้เฉพาะจุฬาฯ จึงจะเป็นตัวผมได้ ผมถือว่าหน้าที่อาจารย์มหาวิทยาลัยมี 4 อย่าง สอน-วิจัย-บริการสังคม-ทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผมทำหมด 4 อย่างเวลาผมออกไปพูดหรือทำอะไรข้างนอกผมถือว่านี่คือการบริการสังคม และผมพูดทุกครั้งก็เป็นตัวของผมเองเรื่องก็ง่ายๆ ธรรมดาแค่นั้น"

คงไม่ผิดที่จะกล่าวว่าการให้ความหมายเช่นนี้เอง ที่ทำให้ในขบวนแถวนักวิชาการอนุรักษ์อันมีสมาชิกไม่มากมายนักมีสุรพลร่วมอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us