Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2535
ถึงเวลายาหม่องตราเสือคำราม แพททรูซซี่แห่งดีทแฮล์มขี่หลังเสือ             
 


   
search resources

ดีทแฮล์ม (ประเทศไทย), บจก.
เรนาโต แพททรูซซี่
Pharmaceuticals




พ้นจากอ้อมอกของแจ๊กเจีย อุตสาหกรรม (ไทย) ที่ทำตลาดยาหม่องตราเสือในไทยมายี่สิบปี ดีทแฮล์มก็ประกาศกึกก้องในฐานะตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ของยาหม่องตราเสือ โดยโฆษณาเต็มหน้ากระดาษ หนังสือพิมพ์รายวันเมื่อต้นปีนี้เอง

เมื่อเปลี่ยนผู้แทนจำหน่ายเป็นดีทแฮล์ม งานนี้เรนาโตแพททรูซซี่ ผู้จัดการใหญ่ของดีทแฮล์ม ประเทศไทยเป็นแม่ทัพใหญ่ของดีทแฮล์ม ประเทศไทยเป็นแม่ทัพใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงชาวสวิสผู้มีบุคลิกกระฉับกระเฉงว่องไวคนนี้คร่ำหวอดในวงการยามานานแสนนานไม่ต่ำกว่า 28 ปี สามารถพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งที่กำหนดให้ผู้บริหารดีทแฮล์มชาวฝรั่ง "ต้องพูดไทย" ให้ได้ แพททรูซซี่ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าและกว่าจะกลับบ้านได้เมื่อเสร็จงาน

"เราตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้ดีทแฮล์มจะต้องขายยาหม่องตราเสือได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท" ผู้จัดการใหญ่ของดีทแฮล็มกล่าวถึงแผนการตลาดในปีแรก

ชื่อเสียงเก่าแก่ไม่ต่ำกว่าร้อยปีของยาหม่องตราเสือกลายเป็นสินทรัพย์อันล้ำค่าของบริษัทโฮ้วปา บราเธอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ที่แตกตัวไปยังธุรกิจอื่น ๆ ในอาเซียน อัครมหาเศรษฐี WEE CHO YAW เพื่อนสนิทอดีตประธานาธิบดีลีกวนยู และเจ้าของยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในปี 2531 มีการเปลี่ยนแปลงยกฐานะฝ่ายธุรกิจการของกลุ่มนี้ขึ้นมาในรูปบริษัท "ไทเกอร์ บาล์ม ลิมิเต็ด" รับผิดชอบด้านการผลิต การจัดจำหน่ายและการตลาดการขายทั่วโลกของยาหม่องตราเสือและน้ำมันกวางลุ้ง

วันนี้บริษัทไทเกอร์ เมติคอลล์ จำกัดในเครือไทเกอร์บาล์ม ลิมิเต็ดได้กลับเข้ามารับผิดชอบการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์ตราเสือในภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มที่ หลังจากที่บริษัทโฮ้วปา บาร์เธอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนลได้ให้สิทธิแก่บริษัทแจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) จำกัดมาเป็นเวลายี่สิบปีแล้ว

บริษัทไทเกอร์ เมดิคอลล์ได้แต่งตั้งดีทแฮล์มเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากความเป็นบริษัทจัดจำหน่ายยักษ์ใหญ่ของดีทแฮล์มในวงการยา ที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายแข็งแกร่งที่สุดอย่างมืออาชีพและมีเวชภัณฑ์ต่างประเทศชั้นนำไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท เช่น โรชอัพยอห์น ซีรีบอสซึ่งเป็นเจ้าของซุปไก่สกัด "แบรนด์" นอกจากนี้ดีทแฮล์มถือเป็นตักศิลาของนักการตลาดเก่ง ๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการตลาด

ในปีที่แล้ว ดีทแฮล์มทำรายได้จากฝ่ายเวชภัณฑ์สูงที่สุดถึง 3,000 ล้านบาท รองลงมาคือฝ่ายวิศวกรรม 2,000 ล้านบาท อันดับสามคือฝ่ายอุปโภคบริโภค 1,700 ล้านบาทเท่ากับฝ่ายสินค้าพิเศษ และอันดับสี่คือฝ่ายท่องเที่ยวที่ทำรายได้ 1,000 ล้านบาท

"ปีที่แล้ว ดีทแฮล็มขายได้ 9,886 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้นจากเดิม 14% เป็นเรื่องที่ผมถือว่าฟลุกจากภาษีมูลค่าเพิ่มเพราะในเดือนธันวาคมปีที่แล้วเดือนเดียวขายได้ 1,400 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ผมบอกลูกค้าแล้วว่าปี 2535 นั้นไม่มีการขึ้นราคา แต่โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งไม่เชื่อและไม่อยากโดนภาษีมูลค่าเพิ่มเขาก็สั่งซื้อใหญ่" แพททรูซซี่ผู้จัดการใหญ่เล่าให้ฟังถึงความสับสนไม่เข้าใจในภาษีใหม่ที่รัฐนำมาใช้

เมื่อดีทแฮล์มได้ยาหม่องตราเสือเข้ามาในสังกัด จึงได้เปิดแผนกผลิตภัณฑ์ตราเสือขึ้นต่างหาก โดยมีศิริพงษ์ ส่งไพศาลเป็นผู้จัดการดูแลอยู่ ความหมายสำคัญของการเปิดแผนกผลิตภัณฑ์ตราเสือที่เกิดขึ้นในดีทแฮล์มจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาถึงก้าวสำคัญในการปลุกตลาดยาหม่องที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทในไทย

ขณะเดียวกันดีทแฮล์มก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ตราเสือที่ตั้งเป้าไว้ 50 ล้านบาทนอกเหนือจากยาหม่อง ยังมี "น้ำมันกวางลุ้ง" ที่กลางปีนี้จะหลุดจากแจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) มาอยู่ที่ดีทแฮล์มอีกรายหนึ่ง

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาการลงทุนของยาหม่องตราเสือมีน้อยมาก เนื่องจากผู้บริหารแจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) ตระหนักดีว่าในปี 2535 ผลิตภัณฑ์ตราเสือจะต้องหลุดไปเป็นของคนอื่น ที่ผ่านมาปีหนึ่ง ๆ แจ๊กเจียทำยอดขายได้เพียงปีละ 30 ล้านบาท ทั้งที่โอกาสพัฒนาตลาดยาหม่องให้เติบโตกว่านี้มีมากในฐานะผู้นำตลาด

ดังนั้น ภารกิจทางการตลาดที่ดีทแฮล์มจะต้องทำเต็มที่ด้านการตลาดการขายยาหม่องตราเสือ คือ หนึ่ง-กระจายสินค้าให้กว้างขวางมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่า โดยติดต่อร้านยาโดยตรงแทนที่จะผ่านร้านค้าส่งเหมือนแจ๊กเจียทำและส่งเสริมการขายเพื่อหวังสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่สอง-เปลี่ยนโฉมหน้าภาพพจน์จากสินค้าคนแก่ให้กลายเป็นภาพพจน์ที่ทันสมัยขึ้น เหมือนกับผลิตภัณฑ์ "ไวตามิลด์" และซุปไก่สกัดตรา "แบรนด์" ที่ดีทแฮล์ม ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภควัยรุ่นได้ โดยวิธีการกระตุ้นตลาดด้วยโฆษณา หลังจากวางสินค้าครอบคลุมตลาดแล้ว

"ผมคิดว่าสนุกแน่ ๆ ตอนทำตลาดยาหม่อง มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะโฆษณาหรือกระจายสินค้าในช่องทางจำหน่ายแบบไหน เพราะว่าตลาดยาหม่องในไทยมีโอกาสมาก โดยเราจะเริ่มขายในอาทิตย์ที่สามของเดือนมกราคมนี้ หลังจากตรวจสอบคุณภาพยาหม่องที่สิงคโปร์แล้ว" แพททรูซซี่ในฐานะมืออาชีพของวงการยาเก่าแก่เล่าให้ฟัง

เบื้องหลังการได้มาซึ่งตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราเสือของดีทแฮล์มนั้น แพททรูซซี่ได้เล่าให้ฟังว่า ดีทแฮล์มในไทยได้รับการแต่งตั้งก่อนประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เมื่อปีเศษ ที่แล้วระหว่างที่รอให้สัญญาที่ทำไว้กับแจ๊กเจียสิ้นสุดในปีนี้ได้มีการเจรจาต่อรองในสัญญาอันใหม่นี้

"ผมไม่เคยเห็นสัญญาที่ยากอย่างนี้มาก่อนในชีวิตของผม ยากมาก ๆ โดยภรรยาของลีกวนยูเป็นผู้จัดการเรื่องสัญญานี้เป็นสัญญาที่ละเอียดมาก ๆ และให้ประโยชน์กับฝ่ายเขามากนี่เป็นเหตุผลที่เราต้องใช้เวลาต่อรองกันเกือบปีสำหรับสัญญานี้ และเพิ่งจะได้เซ็นสัญญาได้เมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง" แพททรูซซี่เล่าให้ฟังถึงความประทับใจ

สัญญาการแต่งตั้งดีทแฮล์มเป็นผู้แทนจำหน่ายด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชียนี้นอกจากประเทศไทยแล้ว ก็มีประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย โดยการเซ็นสัญญาครั้งแรก ดีทแฮล์มจะได้รับสิทธิเป็นผู้จัดจำหน่าย 3 ปี

ในระดับโลก ยาหม่องตราเสือได้บุกตลาดในประเทศยุโรปและอเมริกามานาน เนื่องจากลูกค้าฝรั่งรู้จักและนิยมใช้กันมาก แพททรูซซี่ได้เล่าให้ฟังว่าในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีดีทแฮล์มเป็นผู้แทนจำหน่ายแทบไม่น่าเชื่อว่ายาหม่องตราเสือมียอดขายมากกว่าประเทศไทยอีก ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาไทยก็นิยมซื้อยาหม่องตราเสือกลับบ้านคนละหลาย ๆ กล่อง

ด้านการผลิต แทนที่จะนำเข้าเป็นเบากี้แล้วบรรจุขวดเล็กเหมือนแจ๊กเจียทำ ทางดีทแฮล์มก็ได้ว่าจ้างบริษัทโอลิค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีทแฮล์มเป็นโรงงานผู้ผลิตยาหม่องตราเสือ โดยต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพจากสิงคโปร์ก่อนที่จะนำออกวางขายในไทย

ดีทแฮล์มก้าวเข้ามาปลุกตลาดยาหม่องมูลค่าร้อยล้านบาทนี้ เป็นการจุดประกายความคิดทางการตลาดที่รุกเร้าให้คู่แข่งอย่างแจ๊กเจียผู้เตรียมตัวออกผลิตภัณฑ์ตราสิงโตทองถือโล่ถูกบังคับให้ต้องสู้ แต่ตราสิงโตทองถือโล่นี้ได้ถูกโฮ้วปาเป็นโจทก์ฟ้องแจ๊กเจียในข้อหาละเมิดสัญญาข้อตกลงที่สิงคโปร์ เป็นเหตุหน่วงเหนี่ยวให้แจ๊กเจียทำตลาดได้ช้าลง

แพททรูซซี่กระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อยาหม่องตราเสือพาเหรดนำตลาดผลิตภัณฑ์ตราเสืออื่นๆ ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันกวางลุ้งที่กลางปีนี้แจ๊กเจียจะยุติการขายแล้วโอนมาให้ดีทแฮล์มตลอดจนยาแก้ปวดตราเสือ ยาอมตราเสือ

การขี่หลังเสือของแพททรูซซี่ครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนภาพพจน์แห่งศักดิ์ศรีของนักการตลาดมืออาชีพแห่งดีทแฮล์ม ที่ถึงเวลาแล้วจะทำให้ผลิตภัณฑ์ตราเสือคำรามกึกก้องอีกครั้งหนึ่งหลังจากเงียบเหงามานาน !!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us