Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 กุมภาพันธ์ 2551
เซ็นทรัลฯ ผวา ศก.-สำรอง 30% เฉือนงบลงทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ เซ็นทรัลกรุ๊ป

   
search resources

เซ็นทรัลกรุ๊ป
สุทธิชาติ จิราธิวัฒน์
Shopping Centers and Department store




กลุ่มเซ็นทรัลยังหวาดกลัวเศรษฐกิจปีนี้ หั่นงบลงทุนลงเหลือ 15,000 ล้านบาท จากที่ตั้งปีที่แล้วที่ 19,000 ล้านบาท แต่ยังใช้ไม่ถึงด้วยซ้ำไป เหตุปัญหาเศรษฐกิจ หวั่นแผนตั้งกองทุนรวมอสังหาฯสะดุด เหตุมาตรการ 30% เป็นขวากหนาม ด้านการรถไฟฯเผยอยู่ระหว่างตรวจสอบร่างสัญญาเซ็นทรัลลาดพร้าว ให้เซ็นทรัลเสนอผลตอบแทนกลับมา

นายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลประเมินว่าสภาพเศรษฐกิจในปี 2551 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาราคาน้ำมันที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับลดต้นทุน เช่นลดการจ้างงาน จะกระทบต่อกำลังซื้อ การบริโภค ขณะที่การส่งออกของไทยอาจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ 10% ซึ่งการส่งออกที่ชะลอในปี 2550 เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ปี 2551 อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวบ้าง และจะหนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เร่งขยายตัวได้ที่ 5%

ส่วนอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ของเซ็นทรัลกรุ๊ปก็ยังไม่สรุปเช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งยังไม่ได้รับหนังสือเจรจาเป็นทางการจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ถึงเรื่องการต่อรองรอบล่าสุด ส่วนโครงการที่สถานทูตอังกฤษนั้นก็อยู่ระหว่างการออกแบบ

ส่วนโครงการในต่างประเทศนั้น ล่าสุดได้มีการเจรจากับกลุ่มทุนของดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะร่วมลงทุนทำธุรกิจทั้งในไทยและที่ดูไบ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา

หวั่นพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์สะดุด

นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร-การเงิน กล่าวว่า เรื่องของ มาตรการกันสำรองเงินตราต่างประเทศ 30% ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก ซึ่งถ้าหากไม่ยกเลิกก็คงส่งผลกระทบต่อแผนการตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ของกลุ่มเซ็นทรัลแน่นอน เพราะกลุ่มเซ็นทรัลโดยบริษัทในเครือ ซีพีเอ็นมีแผนที่จะตั้งอย่างน้อย 2 กองทุน ที่เกี่ยวกับโรงแรมประมาณ 7,000 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 4,000 ล้านบาท

โดยการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลส่วนใหญ่แล้ว จะใช้ทั้งเงินกู้และเงินสดแล้วแต่ละธุรกิจ เช่น กลุ่มค้าปลีกตอนนี้กู้น้อยใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนศูนย์การค้าต้องกู้มากประมาณ 2-3,000 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งถ้าตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ บางโครงการก็คงต้องกู้เงินซึ่งจะทำให้เรามีต้นทุนที่สูงขึ้นอีก เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ย หรือใช้วิธีร่วมทุน ส่วนเรื่องการเพิ่มทุนนั้นเป็นทางเลือกสุดท้าย

หั่นงบลงทุน

อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในปีนี้นายสุทธิชัย กล่าวว่า ตั้งไว้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วที่ตั้งไว้ที่ 19,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงเพียง 12,000 ล้านบาท อันเนื่องมาจาก มีการตั้งงบเผื่อเอาไว้ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีของปีที่แล้วทำให้ใช้เงินลงทุนไม่ถึงเป้าหมาย ขณะที่ยอดขายทั้งกลุ่มปีนี้ตั้งไว้ที่ 103,600 ล้านบาท หรือเติบโต 9% ซึ่งจะทะลุเกินล้านบาทเป็นครั้งแรก

โดยแผนการลงทุนปีนี้ รวมทั้งเป้าหมายยอดขายแต่ละกลุ่มธุรกิจแบ่งเป็น 1.กลุ่มค้าปลีก (ซีอาร์ซี) ลงทุน 5,000 ล้านบาท สัดส่วน 33% คาดยอดขาย 80,000 ล้านบาท เติบโต 7% 2.กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ซีพีเอ็น) ลงทุน 6,000 ล้านบาท สัดส่วน 40% คาดรายได้ 10,000 ล้านบาท เติบโต 13% 3.กลุ่มค้าส่ง (ซีเอ็มจี) ลงทุน 130 ล้านบาท สัดส่วน 1% คาดรายได้ 4,800 ล้านบาท เติบโต 7%

4.กลุ่มโรงแรม (ซีเอชอาร์) ลงทุน 3,500 ล้านบาท สัดส่วน 23% คาดรายได้ 4,000 ล้านบาท เติบโต 30% และ 5.กลุ่มเรสตอรองส์กรุ๊ป (ซีอาร์จี) ลงทุน 370 ล้านบาท สัดส่วน 3% คาดยอดขาย 4,800 ล้านบาท เติบโต 12%

สำหรับผลประกอบการทั้งกลุ่มเซ็นทรัลปี 2550 แบ่งเป็น ยอดขายรวมประมาณ 95,400 ล้านบาท เติบโตเพียง 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่เดิม เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นตลอดทำให้การบริโภคของประชาชนไม่สูงมากนัก นอกจากนั้นในช่วงปลายปีก็ยังถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของสหรัฐฯ โดยเฉพาะปัญหาซับไพรม์อีกด้วย

โดยแยกรายได้และงบลงทุนปีที่แล้วเป็น 5 ธุรกิจดังนี้คือ 1.กลุ่มคาปลีก (ซีอาร์ซี) ยอดขาย 74,700 ล้านบาท เติบโต 4% งบลงทุน 4,200 ล้านบาท สัดส่วน 35% 2.กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ซีพีเอ็น) รายได้ 8,850 ล้านบาท เติบโต 14% งบลงทุน 4,800 ล้านบาท สัดส่วน 40%

3.กลุ่มค้าส่ง (ซีเอ็มจี) ยอดขาย 4,500 ล้านบาท ไม่เติบโต งบลงทุน 100 ล้านบาท สัดส่วน 1% 4.กลุ่มโรงแรม (ซีเอชอาร์) รายได้ 3,070 ล้านบาท เติบโต 18% งบลงทุน 2,600 ล้านบาท สัดส่วน 22% และ 5.กลุ่มเรสตอรองส์กรุ๊ป (ซีอาร์จี) ยอดขาย 4,280 ล้านบาท เติบโต 4% งบลงทุน 300 ล้านบาท สัดส่วน 2%

ร.ฟ.ท.ยื่นเซ็นทรัลสัปดาห์นี้

แหล่งข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบร่างสัญญา แต่มั่นใจว่าจะส่งให้แก่ทางบริษัทเซ็นทรัลฯพิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน โดยร.ฟ.ท.จะแจ้งให้เซ็นทรัลเสนออัตราผลตอบแทนการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกลับมายังร.ฟ.ท.ภายใน 1 สัปดาห์นับจากวันได้รับหนังสือร่างสัญญาด้วยส่วนระยะเวลาการเช่ามี 2 ทางเลือกคือ 20 ปี และ 30 ปีโดยจะพิจารณาข้อเสนอระยะเวลาเช่า 20 ปีก่อนซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้ประเมินว่าระยะเวลาเช่า 20 ปีจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและใช้ประโยชน์จากตัวอาคารได้มากที่สุด ส่วนระยะเวลา 30 ปีจะทำให้ได้รับผลตอบแทนลดลงเพราะมีภาระในการบำรุงรักษาเข้ามา

จากการประเมินผลตอบแทนระยะเวลา 20 ปี จะได้รับประมาณ 11,500 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันเมื่อรวมกับดอกเบี้ยประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนระยะเวลา 30 ปี คาดว่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ 13,500 ล้านบาทเมื่อรวมกับดอกเบี้ยมากกว่า 20,000 ล้านบาทแต่ผลตอบแทนจะไม่สูงกว่าที่มาบุญครองจ่ายให้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะมีความแตกต่างของพื้นที่ใช้สอยและราคาประเมิน

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า เรื่องนี้จะต้องปฏิบัติตามสัญญาและกรอบของกฎหมายที่กำหนดให้เจรจากับผู้เช่ารายเดิมก่อนที่จะเปิดประมูลซึ่งทาง ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างดำเนินการและหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จในวันที่ 20 ก.พ.นี้ จะเรียกผู้บริหาร ร.ฟ.ท.มาชี้แจงเรื่องนี้ตลอดจนตัวเลขข้อเสนอผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรมให้กับเอกชนที่เข้ามาลงทุนด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us