ปิดฉากประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกที่ขอนแก่น สมาชิก 21 ชาติออกแถลงการณ์ร่วม 2
ฉบับ เน้นเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะสนับสนุนการเปิดเสรีในสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมและบริการตามกรอบของ
WTO มั่นใจการเจรจารอบโดฮาจะบรรลุผลตามกำหนด 1 ม.ค.48 จะดันเศรษฐกิจและสังคมโลกเติบโตยิ่งขึ้น
พร้อมยืนยันหนุนรัสเซียและเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยเร็ว ส่วนเรื่องซาร์สจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน
บ่ายวานนี้ (3 มิ.ย.) ภายหลัง เสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่
1-3 มิถุนายนที่ผ่านมาที่โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย รัฐมนตรีการค้าอีก 20 ประเทศกลุ่ม สมาชิก
21 ราย ได้ร่วมกันแถลงผล การประชุม
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ คือ เรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ที่จะสนับสนุนการเปิดเสรีในสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ตามกรอบข้อตกลงขององค์การการ
ค้าโลก (WTO) การอำนวยความ สะดวกและลดค่าใช้จ่ายทางการค้า การต่อต้านการก่อการร้าย
การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีของแต่ละประเทศ ความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การปฏิรูปโครง สร้างและความโปร่งใสทางเศรษฐกิจ
แถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง คือ เรื่องของโรคทางเดินหายใจเฉียบ พลันรุนแรง (ซาร์ส)
ซึ่งประเทศที่มีปัญหาเรื่องโรคนี้ล้วนแต่เป็นสมาชิกของเอเปกทั้งสิ้น
เอเปกดันเจรจาการค้า WTO
นายอดิศัย เปิดเผยถึงผลสรุปการประชุมว่า รัฐมนตรีเอเปก ซึ่งมาจากสมาชิกทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา
มีความแตกต่างกันทั้งในด้านผลประโยชน์ และระดับของการพัฒนานั้น เห็นความ จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้วาระหลัก
ด้านเศรษฐกิจของ WTO ให้มีความ คืบหน้าและเห็นว่าการปฏิรูปนโยบาย การเกษตรร่วมของสหภาพยุโรป
จะเป็นก้าวสำคัญช่วยให้กระบวนการเจรจาคืบหน้าและประสบความสำเร็จได้
"รัฐมนตรีการค้าเอเปกพร้อม ใจกันให้คำมั่นว่า จะร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันในการที่จะสร้าง
ความมั่นใจว่าการเจรจารอบโดฮาจะประสบผลสำเร็จได้ตามกำหนดคือในวันที่ 1 มกราคม 2548
เพราะ เชื่อมั่นว่าผลการเจรจารอบโดฮาจะช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมโลกเจริญเติบโตยิ่งขึ้นและช่วยให้เอเปก
บรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้ที่เมือง โบกอร์" นายอดิศัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีเอเปก ย้ำว่าการ เจรจารอบโดฮาจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น
คงขึ้นอยู่กับ ว่าการเจรจาเรื่องที่เป็นหัวใจสำคัญ ของรอบนี้มีความคืบหน้าหรือไม่
ประกอบด้วย เรื่องการเปิดเสรีสินค้าเกษตร การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและบริการและเรื่องที่เกี่ยว
ข้องกับการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เช่น การปรับปรุงกฎเกณฑ์ของ WTO การลงทุน
นโยบายการแข่งขัน ความโปร่งใสในการจัดซื้อโดยรัฐและการอำนวย ความสะดวกทางการค้า
ทั้งนี้ ได้ย้ำว่าการเจรจารอบโดฮาจะต้องจบพร้อม กันทุกเรื่องและจะต้องเป็นที่ยอมรับของสมาชิกทุกเรื่อง
เน้นช่วยชาติกำลังพัฒนา
นายอดิศัยกล่าวว่า นอกจากนั้นเอเปกยังได้ย้ำ WTO ให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านการพัฒนาเป็นพิเศษ
เช่น เรื่องการเข้าถึงยาราคาถูก และการเสริมสร้างสมรรถนะแก่สมาชิกกำลังพัฒนาเพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก
ผลการเจรจาได้ ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ก็ได้จัดสัมมนาเรื่อง
สิ่งแวดล้อม สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และการลงทุน ที่กรุงเทพฯและมีผลเป็นที่น่าพอใจ
แต่รัฐมนตรี การค้าเอเปกได้ย้ำว่า นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการเจรจา
ในเรื่องนี้จะต้องไม่ทำให้กฎเกณฑ์ของ WTO ที่มีอยู่แล้วอ่อนลง
"รัฐมนตรีเอเปกได้ให้ความเห็นชอบข้อเสนอ ของไทยให้จัดตั้งแกนกลางของเอเปกขึ้นที่เจนีวา
เพื่อให้ผู้แทนสมาชิกเอเปก ณ นครเจนีวา ได้มีโอกาสร่วมมือแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น"
นายอดิศัยกล่าวและว่า ที่ประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีเอเปกยืนยันว่า จะให้การ สนับสนุนรัสเซียและเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก
WTO โดยเร็วและรับทราบว่าจีนและจีนไทเป มีข้อจำกัดในการที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีการเข้าเป็นสมาชิกใหม่และพันธกรณีที่จะเกิดขึ้นจากการ
เจรจารอบใหม่อีกด้วย
ตั้งศูนย์ต่อต้านก่อการร้าย
ในส่วนประเด็นการอำนวยความสะดวกทาง การค้า นายอดิศัยระบุว่า ในที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของงานด้านการอำนวยความสะดวก
ทางการค้าของเอเปก (TFAP) เพื่อบรรลุเป้าหมาย โบกอร์ และยินดีกับความคืบหน้าที่ผ่านมา
ในการ ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกรรมลงร้อยละ 5 ภายในปี 2549 ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าของเอเปก
รวมทั้งทางเลือกมาตรการและแผนงานที่เป็นรูปธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า
"รัฐมนตรีการค้าเอเปกเห็นชอบให้มีการดำเนินงานตาม TFAP โดยให้ความสำคัญกับผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
และสามารถวัดผลได้และให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมด้วย ทั้งเห็นชอบให้มีกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและขีดความสามารถ
ซึ่งจะช่วยสมาชิกในการปฏิบัติตาม TFAP และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและเอกชน"
นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้แสดงความกังวล ต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการก่อ
การร้าย โดยเฉพาะภาระของสมาชิกกำลังพัฒนา ในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยและ
เห็นพ้องร่วมกันที่จะจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย (Counter-Terrorism
Task Force) รวมทั้งแผนงานการส่งเสริมให้การค้าระหว่างสมาชิกมีความปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น
รัฐมนตรีการค้าเอเปกยินดีกับความคืบหน้า ของสมาชิกในการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยภายใต้ข้อเสนอ
STAR และให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถแก่สมาชิกกำลังพัฒนาในการปฏิบัติตามข้อเสนอดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังสนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นในการดำเนินงานด้านการอำนวยความสะดวก
ทางการค้า
นอกจากนั้น ได้มอบให้คณะทำงาน Counter-Terrorism Task Force จัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือ
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และ ส่งเสริมการหารือระหว่างคณะทำงาน/กลุ่มย่อยต่างๆ รวมทั้งการหารือระหว่างภาครัฐ-เอกชน
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า และการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ
รวมทั้งเน้นถึงความสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการที่ใช้ในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางการค้า
ไทยดันโครงการนำร่อง "อาหาร"
นายอดิศัยกล่าวต่อว่า รัฐมนตรีเอเปกต้องการให้สมาชิกมีส่วนร่วมมากขึ้นในโครงการนำร่อง
โดยสมาชิกที่มีความพร้อมที่ผู้นำได้รับรองในปี 2545 และยินดีกับความคืบหน้าในเรื่องการแจ้งข้อมูลผู้โดยสารล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
การออกใบรับรองสุขอนามัย ทางอิเล็กทรอนิกส์ การปรับประสานพิธิการศุลกากรให้ง่ายขึ้น
โครงการนำร่องเพื่อปฏิบัติตาม นโยบายของเอเปก ด้านการค้าและเศรษฐกิจดิจิตอล โดยรับรองแผนงานที่จะดำเนินงานต่อไปในเรื่องดังกล่าว
และรับทราบข้อเสนอของสหรัฐฯ ในการดำเนินงานด้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ผ่านสื่อดิจิตอล
และจะส่งให้เจ้าหน้าที่หารือในรายละเอียดต่อไป
"ที่ประชุมให้ความเห็นชอบข้อเสนอใหม่เรื่อง Sectoral Food MRA และให้ความสำคัญ
กับการผลักดันความก้าวหน้าในโครงการ Pathfinder ที่เหลือ และมอบให้เจ้าหนาที่ทบทวนความหน้าโครงการเหล่านี้เป็นระยะ
โดยเฉพาะข้อเสนอของไทยในเรื่องของสินค้าอาหาร" นายอดิศัยกล่าวและว่า
ในด้านมาตรฐานความโปร่งใสของเอเปก รัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรฐานความโปร่งใสของเอเปก
ภายในปี 2005 และให้ความเห็นชอบแผนงานในการปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าว และขอให้คณะทำงาน/กลุ่มย่อยต่างๆ
รีบดำเนินการพัฒนามาตรฐานความโปร่งใสในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ชื่นชมสมาชิกจริงใจเปิดเสรี
นายอดิศัยกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีเอเปกยินดี กับความสำเร็จของการทบทวนแผนปฏิบัติการรายสมาชิก
(IAP Peer Review) ที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วของ 5 สมาชิก คือ ออสเตรเลีย แคนาดา
ญี่ปุ่น เม็กซิโก และไทย และรับทราบความคืบหน้าการเตรียมการจัดทำ Peer Reviews
ของอีก 3 สมาชิกในปีนี้คือ จีน ฮ่องกง เกาหลี และนิวซีแลนด์ และให้สมาชิกเสนอ IAP
ของตนเพื่อทบทวนให้เสร็จสิ้นทั้งหมดภายในช่วงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งที่
1 ปี 2005
"ที่ประชุมคาดหวังที่จะสานต่อความร่วมมือในเอเปก ด้านอำนวยความสะดวก การให้ความคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
และการบังคับใช้กฎหมายให้มีผลทางปฏิบัติในกรณีการละเมิดสิทธิ รวมทั้งรับรองการจัดตั้ง
IPR Service Center โดยที่สมาชิกจะดำเนินการเมื่อพร้อม"
นอกจากนี้ รัฐมนตรีเอเปกยังรับทราบพัฒนาการของการจัดทำความตกลงการค้าภูมิภาค
และทวิภาคี (RTAs/FTAs) ระหว่างสมาชิกเอเปก และยินดีที่เจ้าหน้าที่มีการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนี้
ทั้งนี้เห็นว่าการทำ RTAs/FTAs ที่ครอบคลุมทุกสาขา จะสามารถส่งเสริมการเปิดเสรีในภูมิภาค
และจะช่วยผลักดันการเจรจาโดฮาให้มีความคืบหน้า
วิตกระเบียบใหม่อียูกระทบ SMEs
นายอดิศัยกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีเอเปกตระหนักถึงบทบาทของการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปก
(ABAC) ในการ ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางที่เอเปก ควรนำมาปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในภูมิภาค
ให้มีผลงานเป็นรูปธรรม การประชุมครั้งนี้ประธาน ABAC ให้ความสำคัญกับการผลักดันการเจรจา
Doha development Agenda มาตรการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกทางการค้า
ทรัพย์สินทางปัญญา การ ปฏิบัติตามมาตรฐานความโปร่งใสของเอเปก ความร่วมมือเพิ่มขีดความสามารถ
และการเรียก ความมั่นใจให้กลับคืนมาหลังจากเกิดวิกฤติโรค SARS
ในที่ประชุมยินดีที่การหารือในด้านเคมี ภัณฑ์ ยานยนต์ และเทคโนโลยีทางชีวภาพ
ทำให้ เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนดีขึ้น แต่ที่ประชุมแสดงความกังวลต่อผลกระทบ
ของกฎระเบียบที่สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาเกี่ยว กับเคมีภัณฑ์และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ที่อาจมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้ในภูมิภาค โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งสหภาพยุโรปยอมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้เห็นควรเรียกร้องให้สหภาพยุโรปปรึกษาประเทศคู่ค้าในการออกกฎระเบียบใหม่ๆ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีเอเปกรับทราบผลการ ประชุม APEC High level Biotechnology Dialogue
ครั้งที่ ณ จังหวัดเชียงราย ที่ส่งเสริมประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพในการเพิ่ม ผลผลิตอาหาร
สารอาหาร และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันต้องคำณึงถึงความปลอดภัยในการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้
โดยอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งย้ำถึงความสำคัญในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ต่อไป
เน้นสมาชิกปรับโครงสร้างศก.
นายอดิศัยกล่าวว่า ประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ รัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการปฏิรูป
โครงสร้างทางเศรษฐกิจ เน้นให้แต่ละสมาชิกมีนโยบายเศรษฐกิจที่ส่งเสริมการแข่งขันทาง
การค้า และมีการทบทวนกฎระเบียบอย่างสม่ำ เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุน
ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดยที่ประชุมย้ำถึงการปฏิรูปกฎหมายในประเทศ ที่เกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจ
จะมีส่วนสำคัญใน การสนับสนุนงานด้านการปฏิรูปกฎระเบียบต่างๆ ที่ส่งเสริมการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนอื่นๆ
ส่วนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเตรียมการจัดตั้ง
Life Science Innovation Forum เป็นเวทีหารือร่วมภาครัฐ-เอกชน-วิชาการ ในความร่วมมือคิดค้นพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์เพื่อ
ชีวิต รวมทั้งรับรองขอบเขตความรับผิดชอบ และวาระการประชุมครั้งแรกของเวทีดังกล่าวที่จะจัดระหว่างวันที่
14-15 สิงหาคมที่จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ รัฐมนตรีรับทราบข้อเสนอ Innovative APEC และตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะเป็นหนทางนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสมาชิกเอเปก
โดยจะมีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ประเทศจีน
และการประชุมรัฐมนตรีวิทยา-ศาสตร์และเทคโนโลยี ที่นิวซีแลนด์จะเป็นเจ้าภาพในเดือนมีนาคม
2547
เอเปกแถลงการณ์ "ซาร์ส"
นายอดิศัยกล่าวอีกว่า เอเปกยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันกรณีโรคซาร์ส ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีการหยิบยกขึ้นหารือในที่ประชุม
โดยแถลงการณ์ระบุว่า ซาร์สเป็นโรคระบาดร้ายแรงโรคใหม่ ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่
21 แพร่กระจายไปทั่วโลก การแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของ
ประชาชนนานาประเทศ แต่ยังมีผลต่อความเชื่อมั่น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนและหยุดยั้งการเดินทางของผู้คนไปทั่วโลก
การระบาดของโรคดังกล่าว เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2545 ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการควบคุมการ
แพร่ระบาดและการลดผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน
ในการนี้สมาชิกเอเปกได้มีมติร่วมกันให้มีการดำเนินมาตรการอย่างทันท่วงทีมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส และให้สมาชิกเอเปกมีความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และให้ตระหนักว่า มาตรการรับมือกับโรคซาร์ส
จะไม่เพียงแค่เน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะกับโรคซาร์ส เท่านั้น แต่ยังจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น
ในการเอาชนะกับความเสี่ยงต่อสุขภาพและความหวาดกลัวต่อโรคด้วย
แถลงการณ์ระบุอีกว่าในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน
2546 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดขอนแก่น รัฐมนตรียืนยันความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเอเปก
ที่จะหาทุกวิถีทางทั้งการดำเนินการภาย ในของแต่ละสมาชิก การดำเนินงานร่วมกันและได้ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ
เพื่อลดผลกระทบ ที่มีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค
รัฐมนตรีเอเปกต่างตระหนักถึงบทบาทสำคัญขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการควบคุมการแพร่ระบาด
ในขณะเดียวกันได้เน้นย้ำความจำเป็นที่จะดำเนินการร่วมกันในการลดผลกระทบทางลบต่อการค้าและการลงทุน
และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและธุรกิจ ต่างด้าว นอกจากนี้ยังเห็นว่าการดำเนินการแก้ไข
ปัญหาโรคระบาดนั้น ต้องช่วยส่งเสริมกัน ไม่ใช่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการแก้ไขปัญหาระดับชาติ
และระหว่างประเทศ
รัฐมนตรีเห็นชอบกับแผนปฏิบัติการด้าน SARS และตกลงที่จะส่งเสริมความโปร่งใสในการดำหนดมาตรการตรวจที่ด่าน
และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของผู้คน รัฐมนตรีชื่นชมเจ้าหน้าที่อาวุโสที่ตอบสนองสถานการณ์ได้ทันท่วงที
โดยใช้ Website ของเลขาธิการเอเปก กระจายข้อมูลโรคซาร์ส ที่ทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวกับกฎระเบียบ
การขอวีซา และการตรวจผู้โดยสาร
นอกจากนี้ รัฐมนตรีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อาวุโส และกลุ่มย่อยต่างๆ ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติ
การ โดยเฉพาะด้านการอำนวยความสะดวกทาง การค้า การเดินทางของประชาชน และใช้กลยุทธ์
เพื่อเรียกความมั่นใจของนักธุรกิจ การลงทุน การ ท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
การหามาตรการที่โปร่งใส ซึ่งจะลดผลกระทบของโรคซาร์ส ต่อการเดินทางของนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว
ทั้งยังเห็นพ้องถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้มาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส
มาเป็นข้ออ้างในการกีดกันทางการค้าและการลงทุน หรืออุปสรรคต่อการเดินทางของประชาชน
สินค้าและเงินทุน
ขณะเดียวกันรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เอเปกต้องมีความน่าเชื่อถือในการรับมือ
กับโรคซาร์ส เพราะเห็นว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เป็นประเด็นหลักที่มีความสำคัญ
และได้ชื่นชมในความตั้งใจของ ABAC ที่จะร่วมงานกับ APEC เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ
ในตอนท้ายแถลงการณ์ระบุว่า รัฐมนตรีรับทราบถึงถึงการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของ
APEC ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 2546 เพื่อให้มีการหารือระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขของเอเปกถึงมาตรการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับโรคซาร์ส
และทำอย่างไรให้มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและธุรกิจต่างๆน้อยที่สุด
โดยเฉพาะการพิจารณาจากข้อเสนอของเจ้าหน้าที่อาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
ของสมาชิกเอเปกที่จะมาประชุมร่วมกันในวันที่ 27 มิถุนายน 2546 นี้