Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 กุมภาพันธ์ 2551
GMMลุยถือหุ้นธุรกิจมีเดียปูฐานบรอดคาส             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
Entertainment and Leisure




แกรมมี่เดินหน้ารุกนิวมีเดีย บรอดคาสติ้ง ใน 5 ปี พร้อมโฟกัสตลาดเอเชียมากขึ้น หลังมีการปรับโครงสร้างบิซิเนสโมเดลใหม่ ชูกลยุทธ์ โททอล มิวสิค บิซิเนส ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มั่นใจสิ้นปีรายได้กระเตื้องอีก 8% มูลค่า 8,000 ล้านบาท

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทฯจะรุกนิว มีเดียมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปถือหุ้นชาแนลวี ตั้งแต่เดือนตุลาคมในปี 2550โดยถือหุ้นอยู่ 25% ขณะที่ถือในทรู วิชั่นส์ 26% และถือหุ้นในสตาร์ 49% ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะต่อยอดธุรกิจต่อไป

กรณี หากทางภาครัฐอนุญาต ในเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ทั้งเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมให้มีความเสรี จากพรบ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทางแกรมมี่ก็พร้อมที่จะเข้ามาทำเรื่องของบรอดคาสติ้งทันที โดยจะทำเป็นช่องเอ็นเตอร์เทนเม้น คาดว่าจะเห็นได้ในปีหน้าในรูปแบบเนชั่นแนลเน็ตเวิร์ค

"ระหว่างนี้ทางบริษัทฯก็สามารถนำเอาคอนเท้นต์ต่างๆที่มีอยู่ มานำเสนอผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบ Portal เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ยังเว็บไซต์ของบริษัทฯที่มีกว่า 10 เว็บไซต์โดยเฉพาะเว็บไซต์ www.gmember.com ที่จะมีรายได้จากการสมัครเป็นสมาชิก โดยในช่วงเดือนเม.ย.นี้ จะเริ่มเห็นว่า จะมีการนำเอาคอนเท้นต์คอนเสิร์ตมาออนแอร์ ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรจากต่างประเทศที่ได้ร่วมมือกันในการนำเอาคอนเท้นต์มาเผยแพร่ด้วย"

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ธุรกิจนิวมีเดีย ที่จะรุกใน5 ปีนับจากนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากการที่บริษัทฯได้วางโมเดลบิซิเนสมาถูกทาง ซึ่งทางบริษัทฯเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจเพลงกำลังมีอนาคตที่สดใส จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพลงกำลังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในภาคธุรกิจ เพื่อใช้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำตลาด รวมถึงการศึกษาตลาดมาตลอดปี 48-49 ซึ่งทำให้บริษัทฯได้มีการวางโมเดลบิซิเนสขึ้นมาใหม่ มุ่งเน้นด้านดิจิตอล โชว์บิซ การบริหารศิลปิน บริหารลิขสิทธิ์คาราโอเกะ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จึงมั่นใจว่าปีนี้แกรมมี่จะมีรายได้รวมถึง 8,000 ล้านบาท หรือโตจากปีที่ผ่านมา 8% แบ่งเป็น ธุรกิจมีเดีย 44% หรือกว่า 3,500ล้านบาท และธุรกิจเพลง 56% คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท โตขึ้น 11%

สำหรับโมเดลบิซิเนสที่ทางแกรมมี่วางไว้มาประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะอยู่ภายใต้กลยุทธ์ Total Music Business คือ 1.Singing Businessเกี่ยวกับ การร้องคาราโอเกะ ที่พบว่าปัจจุบันเริ่มเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี 2.Listening Business หรือการฟังเพลงในปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคมีการฟังเพลงผ่านช่องทางต่างๆมากขึ้น และ3.Watching Businessเกี่ยวกับการรับชมคอนเท้นต์เพลง ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตหรืออื่นๆ ซึ่งโมเดลบิซิเนสใหม่นี้ เชื่อว่าจะสร้างรายได้โตขึ้น 15-20% จากเดิมที่มีรายได้แต่ละปีโตขึ้นเพียง 10% จะเป็นธุรกิจที่จะมาต่อยอดรายได้จากธุรกิจเพลงมูลค่า 4,000 ล้านบาท ที่วางไว้ในปีนี้ โดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 50% จากเดิมในปีก่อนอยู่ที่ 45% และอีก 50% มาจากรายได้ของการขายซีดีและวีซีดี ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะคงที่ไปแบบนี้เรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯยังได้วางกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจเพลงไว้ดังนี้ คือ 1.กลยุทธ์ เซกเม้นต์เตชั่น มาร์เก็ตติ้ง โดยแบ่งกลุ่มเพลงออกเป็น 6 กลุ่ม คือ ทีน ไอดอล, ป๊อป ไอดอล, ร็อค, วินเทจส์ (Vintages), นิช มาร์เก็ต และคันทรี 2.กลยุทธ์การหาพันธมิตรเข้าร่วมธุรกิจ ให้มีการทำธุรกิจในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น

นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้มองตลาดเพลงในระดับเอเชียด้วย หลังจากที่พบว่ามีกลุ่มผู้บริโภคในบางประเทศเปิดกว้างในการรับฟังเพลงไทยมากยิ่งขึ้น ล่าสุด เช่น มาเลเซีย ที่มีวัยรุ่นของมาเลเซียให้ความสนใจกับเพลงไทย และมีเพลงไทยไปวางจำหน่าย ทั้งนี้บริษัทฯจะพยายามพัฒนาหน่วยธุรกิจที่ดูแลศิลปินให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พยายามที่จะให้ศิลปินสามารถร้องเพลงของแต่ละประเทศในเอเชียเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะสามารถทำธุรกิจในระดับเอเชียต่อไป โดยคาดว่า จะเห็นเพลงไทยเข้าไปจำหน่ายในแต่ละประเทศของเอเชีย ได้ทั้งหมดเร็วๆนี้ รวมทั้งการนำเอาเพลงจากประเทศเหล่านั้นเข้ามาจำหน่ายในไทยเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทางด้านของธุรกิจมีเดีย ปีนี้บริษัทฯได้วางเป้ารายได้โตขึ้นอีก 8% คิดเป็นมูลค่า 3,500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ทีวี 39% คิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านบาท 2.อีเว้นท์ 29% คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 15% 3.วิทยุ 21% มูลค่า 750 ล้านบาท โตขึ้น 10% 4.สิ่งพิมพ์ 7% มูลค่า 250 ล้านบาท และ 5.อื่นๆอีก 4%

โดยกลุ่มมีเดีย โดยเฉพาะวิทยุปีนี้ได้วางกลยุทธ์ของการทำงานไว้ 2 ทาง คือ 1. สร้างแบรนด์และมุ่งเป็นที่ 1 ในเซกเม้นต์นั้นๆ 2. นำมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ไปต่อยอดรายได้ โดยอาศัยฐานลูกค้าที่มีอยู่ เช่น IRADIO ขณะนี้มีฐานผู้ฟังใหม่เข้ามา ไม่ต่ำกว่าวันละ 30,000-40,000 คน ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มที่ดี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us