|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยจ่อซึมเหตุนักลงทุนไม่เชื่อน้ำยานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ขณะที่ปัจจัยนอกประเทศยังไม่จบหลังเฟดเตรียมหั่นดอกเบี้ยอีกรอบ ยอมรับ "ซับไพรม์" กระทบหนัก โบรกเกอร์เตือนตลาดหุ้นผวนผวน ซื้อหุ้นพื้นฐานต้องดูงบการเงินประกอบ ชี้ซื้อหุ้นดีบางตัวอาจไม่ได้กำไร ขณะที่ขาใหญ่ เชียร์เก็บหุ้นรับเหมาก่อสร้าง-แบงก์ รับอานิสงส์โครงการเมกะโปรเจกต์ ลือนักเรียนนอกโผล่เล่นหุ้นปั่น
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการจัดตั้งรัฐบาลสมัคร 1 รวมถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรีมีความชัดเจนมากขึ้น แม้กระแสสังคมจะยังมีคำถามอย่างมากมายเกี่ยวกับการพิจารณาสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลายกระทรวง แต่สิ่งที่ถือว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังจับตารอคอยความชัดเจนอย่างใกล้ชิด นั้นคือ การแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับนโยบายในการบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
ทั้งนี้ หากประเมินถึงนโยบายในบางเรื่องที่รัฐมนตรีบางกระทรวงเริ่มประกาศออกมาอาจทำให้นักลงทุนมั่นใจขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ซึ่งถือว่าในช่วงเวลานี้เป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน หลังจากช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้การลงทุนภาคเอกชนในหลายอุตสาหกรรมตกอยู่ในสภาวะติดลบ แต่คำถามที่ตามมาคือเม็ดเงินที่รัฐบาลจะนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้จะมาจากทางใดมากกว่า
ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศ การออกมาแถลงอย่างเป็นทางการของนายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุชัดเจนว่าเฟดมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ถูกระบุอย่างชัดเจนว่าวิกฤตการณ์จากผลกระทบปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างรุนแรงและจะทำให้ส่งผลต่ออัตราการจ้างงานที่ลดลง สอดรับกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง รวมทั้งมีแนวโน้มที่ธนาคารและวาณิชธนกิจในสหรัฐฯ จะต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีครั้งใหญ่ลงอีกรอบ
เชื่อนักลงทุนเมินนโยบายรัฐ
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ กล่าวถึง การเตรียมแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนในวันนี้ ว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวดีจากการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เรื่องดังกล่าวที่ผ่านมานักลงทุนรับทราบมาบ้างแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่จะกดดันตลาดหุ้นยังคงเป็นปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่หุ้นในกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการที่อยู่ใกล้หรือติดกับเส้นทางการลงทุนของรัฐบาล รวมถึงกลุ่มธนาคารที่จะได้รับอานิสงส์จากการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยตลาดสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะยังมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ดัชนีไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากข่าวร้ายจากต่างประเทศยังไม่มีข้อสรุป ขณะสถานการณ์ในประเทศก็ยังมีประเด็นที่น่ากังวลโดยเฉพาะกรณีที่คณะอนุกรรมการกกต.แจกใบแดงให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช โดยประเมินแนวรับที่ 805-810 จุด แนวต้านที่ 830-840 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังต่อนโนยบายของรัฐบาลที่จะแถลงคือนโยบายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเร่งหามาตรการฟื้นความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ โดยแม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนรับทราบไว้แล้วแต่หุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ก็น่าจะได้รับอานิสงส์ทางด้านจิตวิทยาบ้าง
นอกจากนี้ น้ำหนักต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ยังคงเป็นเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับการประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะเป็นไปอย่างไร โดยประเมินว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวโดยมีกรอบแนวรับที่ 810 จุด แนวต้านที่ 835-840 จุด
เตือนซื้อหุ้นต้องดูพื้นฐาน
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงที่ดัชนีมีการเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนต่อเนื่องทั้งในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดีและหุ้นขนาดเล็กที่มักจะมีการเข้ามาเก็งกำไรเนื่องจากมีปัจจัยที่กำหนดการลงทุนทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นจะยังผันผวน แต่ยังถือว่าเป็นช่วงที่หุ้นพื้นฐานจำนวนมากยังน่าลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มสินค้าการเกษตร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของนักลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนจะต้องพิจารณาพื้นฐาน งบการเงินของบริษัทนั้นๆก่อนการเข้าลงทุนแม้ว่าจะต้องการลงทุนระยะยาวก็ตาม เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากยังมีความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของรายได้และกำไรอย่างมากในสภาวะที่เศรษฐกิจยังเติบโตในระดับต่ำ
รอทดสอบแนวรับ 810 จุด
นางสาวสิริณัฎฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีสัปดาห์นี้ ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัว โดยอาจปรับตัวลดลงมาแตะที่ระดับประมาณ 810 จุด แต่อาจจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางการเมืองบ้างเกี่ยวกับการแถลงนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล โดยเชื่อว่ายังคงมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบด้วย
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน แนะ รอซื้อหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว ในกลุ่มมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มเดินเรือ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยประเมินแนวรับที่ 825-823 จุด มีแนวรับถัดไปที่ 816-813 จุด และแนวต้านที่ 837-842 จุด แนวต้านถัดไปที่ 847-850 จุด
ขาใหญ่เชียร์หุ้นรับเหมา-แบงก์
นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันนี้เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น แม้ว่าความรู้สึกของนักลงทุนในประเทศจะยังค่อนข้างไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาลกรณีที่คณะอนุกรรมการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช กรณีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากโครงการต่างๆรวมถึงนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องของรัฐบาลน่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะได้รับอานิสงส์จากการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เอกชนลงทุนมากขึ้น
"ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นกับรัฐบาลจริง คงต้องดูต่อไปว่าผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังจากนั้นจะมีนโยบายทางด้านเศรษฐกิจอย่างไร" นายวัชระกล่าว
นักเรียนนอกตะลุยหุ้นปั่น
แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนรายใหญ่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากที่หยุดการซื้อขายในช่วงที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบรรยากาศในการลงทุนไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ การกลับเข้ามาของนักลงทุนรายใหญ่ในรอบนี้เริ่มมีการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น กลุ่มที่มีพฤติกรรมชอบลงทุนหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล่นหุ้นขนาดใหญ่มากขึ้น ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาเล่นหุ้นเก็งกำไรในช่วงนี้จำนวนมากเป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนอกที่มีฐานะที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นจากการชักชวนของนักลงทุนรายใหญ่หลายราย
"ทุกวันนี้คนที่เข้ามาเล่นหุ้นมันเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก จากเดิมหุ้นเก็งกำไรจะมีเจ้าภาพที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ไม่กี่ราย ตอนนี้มีนักลงทุนรายใหม่ๆ ที่มีเงินกระโดดเข้ามาร่วมเล่นหุ้นจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนที่จะเข้าไปต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะอาจจะมีการขายทำกำไรแรงๆ ออกมา" แหล่งข่าวกล่าว
|
|
 |
|
|