|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตภายในประเทศปตท.ที่ระดับ "AA+(tha)" ธุรกิจและโครงสร้างผู้ถือหุ้นยังคงแข็งแกร่ง แม้ต้องโอนท่อก๊าซบางส่วนคืนกับกระทรวงการคลังก็ตาม แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎระเบียบและทางด้านการเมือง และความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับหนึ่ง
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ระยะยาวที่ระดับ "AA+(tha)" และระยะสั้นที่ระดับ "F1+(tha)" ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาทที่ระดับ "AA+(tha)" แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของปตท.ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในประเทศไทย ความสำคัญของปตท.ในการสนองนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านพลังงานในประเทศไทย รวมถึงการกำหนดทิศทางการพัฒนากิจการพลังงานของประเทศ นอกจากนี้ ปตท.ยังคงเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การจัดหาและการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศไทย แม้ว่าจะมีการโอนท่อส่งก๊าซบางส่วนที่ได้มาก่อนการแปรรูปคืนให้กับกระทรวงการคลังแล้วก็ตาม เนื่องจากปตท.มีเครือข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้ก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศ และมีสัญญาเช่าระยะยาวในส่วนของท่อส่งก๊าซที่โอนคืนให้กับกระทรวงการ คลัง รวมถึงการมีสัญญาการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ทุกรายในประเทศ นอกจากนี้ การลงทุนที่สูงในการก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้มีส่วนช่วยจำกัดการแข่งขันจากผู้ลงทุนรายใหม่อีกด้วย
รวมทั้ง ปตท.ยังเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยโดยผ่านการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. สผ. โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมมากที่สุด และมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมสูงเป็นอันดับที่สองในประเทศไทย ปตท.ยังเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด และเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และธุรกิจน้ำมัน
ฟิทช์ยังให้ความเห็นอีกว่า อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การสนับสนุนจากรัฐบาล คณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเป็นอย่างดี และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็นธุรกิจหลักของปตท.ในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และยังสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่ โดยเป็นผลมาจากสัญญาการจัดจำหน่ายระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าและความผันผวนที่น้อยกว่าของราคาก๊าซธรรมชาติเมื่อเทียบกับราคาน้ำมัน
ฟิทช์ได้ออกรายงานเรื่องการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐฯและสาธารณชน (Ratings for Public-Sector Entities (PSEs)) ฉบับปรับปรุงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2550 เพื่อใช้แทนการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐฯและสาธารณชนฉบับก่อนหน้าที่ออกในเดือนเมษายน ปี 2547 โดยเมื่อพิจารณาตามวิธีการดังกล่าว ปตท.จัดอยู่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐฯและสาธารณชนที่อิสระ (Non-dependent PSE) เนื่องจากไม่มีข้อความหรือหลักฐานใดๆที่ระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะสนับสนุนและช่วยเหลือปตท. นอกจากนี้ ปตท.ยังมีความเกี่ยวข้องและความสำคัญต่อฐานะการคลังของประเทศในระดับต่ำและดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ประเมินว่าการสนับสนุนของรัฐบาลต่อปตท.น่าจะมีอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปตท. และปตท.มีความสำคัญต่อระบบสาธารณูปโภคหลักของประเทศและสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของปตท. ถูกลดทอนลงจากปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แผนการลงทุนในอนาคตของปตท.ที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎระเบียบและทางด้านการเมือง และความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับหนึ่ง ปตท.มีแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2551 ถึง 2555) ในโครงการต่างๆ รวมมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท การลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องน่าจะทำให้หนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินของปตท.เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสถานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทน่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.0 เท่าของ EBITDA
|
|
 |
|
|