Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 กุมภาพันธ์ 2551
ปตท.สผ.ปั๊มยอดขายโต24% ทุ่มงบ3แสนล้านลงทุน5ปี             
 


   
www resources

โฮมเพจ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)

   
search resources

ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.), บมจ.
มารุต มฤคทัต
Oil and gas




ปตท.สผ. ตั้งเป้ายอดขายปิโตรเลียมปีนี้ 2.23 แสนบาร์เรล/วัน สูงกว่าปีที่แล้ว 24% หลังรับรู้รายได้โครงการใหม่ทั้งโครงการอาทิตย์ โครงการเวียดนาม 9-2 และโครงการ G4/43 เผยแผนลงทุน 5 ปีทุ่มเงิน 2.86 แสนล้านบาทลุยโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุน 8.1 หมื่นล้านบาท ระบุไตรมาส 2 นี้เตรียมออกตั๋วบี/อี 2-3 พันล้านบาท เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินช่วงสั้นและสอดคล้องแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง มั่นใจเซ็นสว็อปหุ้นแหล่ง M3 และ M4 ในพม่ากับจีนได้ในปีนี้ แจงยังไม่ได้รับใบสั่งตรึงราคาก๊าซฯเพื่ออุ้มค่าไฟ โบ้ยให้รัฐไปหารือกับปตท.ในฐานะผู้ซื้อก๊าซ

นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมไว้ที่ 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน เพิ่มขึ้น 24%จากปีก่อนที่มียอดขายปิโตรเลียม 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งอัตราการขายที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงการใหม่ที่จะเริ่มผลิตได้ในปีนี้ ได้แก่ โครงการอาทิตย์และอาทิตย์ตอนเหนือ โครงการเวียดนาม 9-2 และโครงการ G4/43

"ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ที่ประกอบด้วยโครงการอาทิตย์ที่จะเข้าในปลายเดือนก.พ.นี้ ปริมาณ 330 ล้านลบ.ฟุต/วัน และอาทิตย์ตอนเหนืออีก 120 ล้านลบ.ฟุต/วันจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ โครงการเวียดนาม 9-2 อีก 2 หมื่นบาร์เรล/วัน ผลิตได้ไตรมาส 3/2551 โดยในปีหน้าคาดว่าการขายปิโตรเลียมของปตท.สผ.จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากมีโครงการเจดีเอไทย-มาเลเซียเข้ามาอีก 270 ล้านลบ.ฟุต/วัน"

นายมารุต กล่าวถึงแผนการลงทุนเพื่อสำรวจพัฒนาและผลิตปิโตรเลียม 5 ปีข้างหน้า (2551-2555) ว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 286,898 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุน 81,232 ล้านบาทใน 38โครงการ แบ่งเป็นการลงทุนภายในประเทศรวมทั้งพื้นที่คาบเกี่ยวเป็นเงิน 62,265 ล้านบาทหรือ 77% ที่เหลือเป็นการลงทุนในต่างประเทศ 23%

ในปี 2552 บริษัทใช้เงินลงทุนรวม 69,322 ล้านบาท ปี2553 การลงทุน 51,868 ล้านบาท ปี 2554 การลงทุน 45,893 ล้านบาท และปีถัดไป 38,585 ล้านบาท โดยงบการลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้รวมเงินลงทุนเต็มที่ของโครงการM9 ที่พม่า และโครงการที่เวียดนาม 16-1 รวมถึงโครงการอื่นๆที่ปตท.สผ.อาจจะเข้าไปร่วมถือหุ้นได้ โดยพม่าจะใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงในปี 2553-55 ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.3 หมื่นล้านบาท

"นับจากนี้การเติบโตของปตท.สผ.ไม่ได้อยู่ที่เงินลงทุน แต่อยู่ที่บุคลากรที่มีจำกัด การลงทุนจำเป็นต้องโฟกัสในประเทศที่เคยลงทุนอยู่แล้ว 14 ประเทศ หากจะลงทุนในประเทศใหม่ๆ ก็จะพิจารณาถึงศักยภาพด้านปิโตรเลียม การจัดเก็บภาษี ความเสี่ยงทางการเมือง และการยอมรับการลงทุนของบริษัท"

เตรียมออกบี/อี 2-3พันล.

นายชัชวาล เอี่ยมศิริ รองผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บมจ. ปตท.สผ. กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีแผนจะออกตั๋วบี/อีประมาณ 2-3 พันล้านบาท อายุ 3-6 เดือน ซึ่งเป็นการก่อหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สอดรับกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะอ่อนตัวลง และเมื่อครบกำหนดชำระก็อาจจะออกตั๋วบี/อีใหม่เพื่อชำระคืนแทน

โดยสาเหตุที่ตัดสินใจออกตั๋วบี/อี เนื่องจากมีความต้องการใช้เงินในช่วงระยะสั้น เพื่อจ่ายเงินปันผลงวดปี 2550 ให้ผู้ถือหุ้นประมาณ 5 พันล้านบาท และภาษีรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่รายได้จากโครงการอาทิตย์เข้ามาช้ากว่าเล็กน้อย

ส่วนการก่อหนี้ระยะยาวนั้น หากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ บริษัทฯก็มีพร้อมที่จะออกบาทบอนด์หรือเยนบอนด์วงเงินไม่น้อยกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2550 ที่ผ่านมานั้น นายชัชวาล กล่าวว่า บริษัทมีรายได้รวม 96,773 ล้านบาท โตขึ้น 6% จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 36.52 เหรียญสหรัฐเป็น 39.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และกำไรสุทธิ 28,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 408 ล้านบาท โดยปีที่แล้วบริษัทได้บันทึกขาดทุนกำไรจากการทำประกันความเสี่ยง(เฮดจิ้ง) ราคาน้ำมันประมาณ 858 ล้านบาท คงเหลือการทำเฮดจิ้งน้ำมันในไตรมาสแรกปีนี้อีก 1.6 ล้านบาร์เรล ที่ราคา 84 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคาน้ำมันดิบดูไบสูงกว่า 84 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปตท.สผ.ก็จะขาดทุนกำไรจากการทำเฮดจิ้งอีก และหลังจากนี้บริษัทฯจะทำเฮดจิ้งอีกหรือไม่คงต้องรอดูสภาพตลาดน้ำมันโดยรวมก่อน

เล็งสว็อปหุ้นแปลงในพม่ากับจีน

นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ ปตท.สผ. กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาสว็อปการถือหุ้นในแปลงสัมปทานปิโตรเลียมที่พม่ากับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน (China National Offshore Oil company หรือ CNOOC) ในแปลงM3 และM 4 ของปตท.สผ.กับแปลงสัมปทานปิโตรเลียมของ CNOOC คือ C 1 และ A1 ในพม่าเช่นเดียวกัน ในสัดส่วน 20% เพื่อลดความเสี่ยงด้านเงินทุน และเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันที่รัฐบาลไทยได้ลงนามเอ็มโอยูกับจีนในการพัฒนากิจการพลังงานร่วมกันสมัยนายวิเศษ จูภิบาล เป็นรมว.พลังงาน ทำให้บริษัทฯเข้าไปมีส่วนในแปลงสัมปทานด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า และหากสำรวจพบก๊าซฯก็อาจดึงให้มาส่งป้อนในไทยได้ คาดว่าการเจรจาดังกล่าวจะได้ข้อสรุปในปีนี้

นอกจากจะมีความร่วมมือในพม่าแล้ว ในอนาคตปตท.สผ.และ CNOOC จะร่วมมือกันดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสของ ปตท.สผ. และเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนร่วมกัน

ส่วนแปลง M9 ในพม่านั้น บริษัทคาดว่าจะมีการลงนามสัญญาร่วมทุนโดยให้โอมานเข้ามาถือหุ้นในแปลงดังกล่าว 5%ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การลงทุนในโครงการM 9 จะเจาะหลุมสำรวจเพิ่มอีก 4 หลุม จากเดิม 8 หลุม พบว่ามีสัญญาณที่ดี และโครงการนี้จะลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นการซื้อขายก๊าซกับ ปตท.ได้ประมาณกลางปี2551 ปริมาณการผลิตเบื้องต้น 300 ล้านลบ.ฟุต/วัน คาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาส 1/ 2555

ยังไม่ได้รับใบสั่งตรึงราคาก๊าซอุ้มค่าไฟ

นายมารุต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ให้ช่วยตรึงราคาก๊าซธรรมชาติ เพื่อทำให้ค่าไฟฟ้าไม่ขยับขึ้นในอนาคต แต่หากให้นโยบายเช่นนี้คงจะต้องผ่าน บมจ.ปตท. ในฐานะผู้ซื้อก๊าซฯ จาก ปตท.สผ. ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้อยากให้พิจารณาถึงผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่หากจะทำได้ก็คงเหมือนในอดีตที่เป็นลักษณะของรูปแบบได้ผลประโยชน์ทุกฝ่ายร่วมกัน (win-win) คือเมื่อมีส่วนลดราคาก๊าซฯ แล้ว ต้องมาพิจารณาถึงเรื่องการรับซื้อก๊าซฯ ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติเป็นสูตรที่รวมกันระหว่างราคาก๊าซพม่าและอ่าวไทยที่เป็นสูตรผันตามราคาน้ำมันช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และราคาก๊าซฯ ได้ปรับสูงขึ้น โดยไตรมาส 3/2550 ราคาอยู่ที่ 4.3 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ส่วนไตรมาส 4 ขยับขึ้นเป็น 5.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งปีนี้คาดว่าราคาก๊าซฯจะขยับขึ้นตามราคาน้ำมันปีที่แล้วซึ่งปรับขยับขึ้นไปถึง 90-100 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานต่ออายุสัมปทานแหล่งบงกชก่อนหมดสัญญาลง 5 ปีว่า เป็นเรื่องปกติที่ทั่วโลกดำเนินการเช่นนี้ เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้มีความมั่นใจเตรียมการลงทุนล่วงหน้าที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และที่สำคัญหากไม่กำหนดแผนลงทุนที่ชัดเจนก็อาจจะกระทบต่อความต้องการไฟฟ้าในประเทศ เพราะในขณะนี้ปริมาณผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยลดลงประมาณ 30% ต่อปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us