|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
คนหุ้นแห่เก็งกำไรข่าวแบงก์ชาติจ่อลดดอกเบี้ย - ยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ดันหุ้นพุ่ง 13% ฝรั่งซื้อสุทธิอีก 1.7 พันล้านบาท ขณะที่หุ้นพลังงานเด็งรับราคาในตลาดโลกพุ่งหลังข่าว"เวเนซุเวล่า"ขู่ที่จะระงับการส่งออกน้ำมัน โบรกฯ เชื่อเร็วๆนี้แบงก์ชาติหั่นดอกเบี้ยหวังชะลอเงินนอกไหลเข้าหากยกเลิกมาตรการ30% ระบุนักลงทุนตอบรับรัฐบาลรื้อนโยบายประชานิยม แต่เตือนให้รอการแถลงอย่างเป็นทางการก่อนเข้าลงทุน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (12 ก.พ.) นักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับนักลงทุนคาดว่าในเร็วๆนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)น่าจะต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณายกเลิกมาตรการ 30% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มตอบรับนโยบายของภาครัฐในหลายโครงการที่เริ่มประกาศออกมา
จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 871.49 จุด เพิ่มขึ้น 13.34 จุด หรือ 1.66% โดยจุดสูงสุดระหว่างวันอยู่ที่ 820.54 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 807.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,676.84 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,706.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 450.51 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,157.48 ล้านบาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกในประเทศโดยเฉพาะนโยบายการลงทุนของรัฐบาลในหลายโครงการทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าในท้ายที่สุดแล้วธปท.จะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการแนวโน้มดอกเบี้ยในโลกที่ปรับตัวลดลง จึงส่งผลทำให้มีแรงเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร
"นอกเหนือจากการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยที่จะลดลงในเร็วๆนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่ามาตรการสำรอง 30% ที่เป็นอุปสรรคต่อการไหลเข้ามาของเงินทุนน่าจะถูกยกเลิกออกไป"นายพิชัยกล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุน คาดว่ายังมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้แนวต้านที่ 830 จุด และแนวรับที่ 807 จุด
ตื่นรื้อนโยบายประชานิยม
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคโดยส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบหลังเวเนซุเวล่าขู่ที่จะระงับการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากความขัดแย้งกับบริษัทเอ็กซอน โมบิลของสหรัฐฯ รวมกับสภาพอากาศหนาวในสหรัฐฯ ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้มีแรงเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก
นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดหวังว่าแบงก์ชาติจะประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ในเร็วนี้ๆ ซึ่งหากมีการยกเลิกจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้กับมาทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจและนำเงินเข้ามาในไทยมากขึ้น แต่จากเรื่องดังกล่าวก็จะมีผลเสียคือทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ผู้ส่งออกที่ปรับตัวไม่ทันต้องได้รับผลกระทบ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีมาตรการเพื่อมารองรับปัญหาดังกล่าว โดยแนวทางที่คาดกันคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศเพื่อให้ส่วนต่างกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ลดลง เพื่อป้องกันการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมถึงการออกมาให้สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนของรัฐบาลเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ รวมทั้งการสานต่อนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปทำให้ภาพการเดินหน้าของประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น จึงมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศค่อนข้างจับตานโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันจันทร์หน้า โดยหลายฝ่ายจับตาว่ารัฐบาลมีนำนโยบายประชานิยมกลับมาสานต่อหรือไม่ และความเป็นไปได้มีมากน้อยเพียงใด
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ที่แนวรับ 805-807 จุด แนวต้าน 820-823 จุด โดยนักลงทุนยังสามารถเล่นเก็งกำไรระยะสั้นได้ ขณะที่หากต้องการซื้อเพื่อลงทุนควรชะลอก่อน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามดูคือความเคลื่อนไหวในการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของแบงก์ชาติว่าจะออกมาอย่างไร รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยรีบาวน์กลับค่อนข้างแรงจากผลบวกทางจิตวิทยาเนื่องจากแรงผลักดันในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และธนาคาร รวมทั้งยังได้รับผลดีจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นดาวโจนส์เมื่อคืนวาน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ชัดเจน แต่ยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ว่าเคลื่อนไหวในทิศทางใด โดยประเมินแนวรับที่ 805-810 จุด แนวต้านที่ 828 จุด
|
|
 |
|
|