ธุรกิจอีเว้นต์เตรียมเฮ รับอานิสงค์จากรัฐบาลชุดใหม่เตรียมผุดโปรเจกต์เพียบ เชื่อสร้างความมั่นใจต่อภาคเอกชน ให้เกิดการลงทุน คาดตลาดรวมโตอีก 10% จาก 6,500 ล้านบาท “อินเด็กซ์” ชี้เทรนด์ ธุรกิจรับจัดงาน มุ่งสู่ รูปแบบอินเตอร์แอกทีฟ ล่าสุดทุ่ม 100 ล้าน นำเทคโนโลยีใหม่รองรับการจัดงาน มั่นใจรายได้ขยับเพิ่มอีก 15% หรือกว่า 1,200 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดธุรกิจรับจัดงานปีนี้ยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรงไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลชุดใหม่นี้มีการประกาศถึงนโยบายการทำงาน ที่จะมีโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่หลายๆด้านออกมา ซึ่งต้องมีการใช้เงินอย่างมหาศาล
มองว่าจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ ให้เกิดความเชื่อมั่น พร้อมที่จะปล่อยเม็ดเงินลงทุนในการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งสัญญาณดังกล่าวถือเป็นอานิสงค์แก่กลุ่มธุรกิจรับจัดงาน ที่จะมีการเติบโตที่ดีตามไปด้วย โดยมองว่าปีนี้น่าจะมีการเติบโตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน ที่มีมูลค่าตลาดรวมที่ 6,500 ล้านบาท
สำหรับบริษัทฯเองมองว่า อีเว้นต์ของกลุ่มโปรเจกต์ภาครัฐ ต้องดูความชัดเจนมากกว่านี้ แต่ก็พร้อมที่จะเข้าไปประมูลรับงานเช่นเดียวกัน โดยจะยังคงรูปแบบการนำเสนองานเช่นเดียวกับที่เสนอกลุ่มเอกชน ซึ่งสัดส่วนอีเว้นต์จากภาครัฐปีนี้มองว่า จะอยู่ที่30% และเอกชน 70% เท่ากับปีที่ผ่านมา
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจรับจัดงานปีนี้ จะมีเทรนด์ไปสู่ในเรื่องของอินเตอร์แอกทีฟ หรือ ผู้เข้าร่วมงานจะมีส่วนร่วมกับงานด้วย ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยเอง หลังจากปีที่ผ่านมาได้ทำการสำรวจ พบว่ากำลังมีเทรนด์ไปในทางเดียวกัน จึงทำให้อินเด็กซ์ เปลี่ยนตัวเองเป็น อินเตอร์แอกทีฟ เอเจนซี่อย่างเต็มตัว ตั้งแต่ช่วงปลายปีในปีก่อน
ล่าสุดในปีนี้ทางบริษัทฯยังได้เตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ สำหรับใช้ในการจัดงาน ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เมจิก มีเดีย, มอนิเตอร์ เซนเซอร์, เมจิก แพลนเน็ต, ไดน่า สกรีน สลิม, มัลติ สกรีน และ อินเตอร์แอกทีฟสกรีน เป็นต้น โดยจะยังคงนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆนี้ ไปจนถึงปีหน้า
นายเกรียงกานต์ กาญจะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า นอกจากการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆสู่ความเป็นอินเตอร์แอกทีฟแล้ว บริษัทฯยังได้จัด “Open House” เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาชมถึงไอเดีย เทคโนโลยีใหม่ รวมถึงบรรยากาศในการทำงาน และพนักงานของอินเด็กซ์ด้วย ระหว่างวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อต้องการให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการเลือกใช้บริการกับทางอินเด็กซ์ โดยทางบริษัทฯคาดหวังว่า จากกลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้ลูกค้าเซ็นสัญญาระยะยาวอย่างน้อย 1 ปีกับทางอินเด็กซ์ไม่ต่ำกว่า 5 ราย
ซึ่งจะทำให้อินเด็กซ์ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง หรืออย่างน้อยต่อปี อินเด็กซ์มองเห็นรายได้อย่างต่ำ 20% ของรายได้รวมจากกลยุทธ์ดังกล่าวแล้วแน่นอน ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าว ของการเซ็นสัญญาระยะยาว ยังเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยมองว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตขึ้นอีก 15% หรือกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งรายได้รวมครั้งนี้ จะไม่รวมกับธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯจะทำขึ้น จากการที่มีโครงการจะ Joint Venter กับพันธมิตร สำหรับเปิดตัวบริษัทใหม่ ภายใต้อินเด็กซ์ เกี่ยวกับ คลีเอทีฟเฮาส์ ในเร็วๆนี้ รวมถึงการทำเทรดแฟร์ ของบริษัทฯ ที่จะเกิดขึ้นประมาณช่วงปลายปีนี้ด้วย
|