|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
DTAC ฟันกำไรปีนี้เกือบ 6 พันล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 5 พันล้านบาท หลังรายได้เพิ่มขึ้น 35% โดยที่ตัวเลข EBITDA ในไตรมาสสุดท้ายสูงถึง 4.9 พันล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.73 บาท ด้านผู้บริหารคาดการณ์ปี 51 ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งระบบโต 10 ล้านบาท ขณะที่ DTAC มั่นใจ EBITDA Margin ไม่ต่ำกว่า 28-30% ของรายได้รวม
นายซิคเว่ เบร็คเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวถึง ผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,841.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,937.56 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.11 บาทเป็น 2.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.31% โดยEBITDA ในไตรมาส 4/2550 มีถึง 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.0 % และจากไตรมาสก่อน 6.9 % EBITDA Margin เท่ากับ 28.7 % จากการลดลงของต้นทุนค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้น กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2550 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.6 % และ 16.5 % จากไตรมาสที่แล้ว
สำหรับรายได้งวดปี 50 พบว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 65,590.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48,473.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.31% โดยรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น 37.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ค่า IC และเพิ่มขึ้น 2.8 %เทียบกับไตรมาสก่อนจากฐานลูกค้าที่สูงขึ้น สำหรับรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวม IC นั้นเพิ่มขึ้น 6.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 2.9% จากไตรมาสก่อนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการหลักประกอบด้วยรายได้บริการเสียง รายได้จากบริการเสริมและรายได้จากการบริการเครือข่ายระหว่างประเทศ และรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่าย
ขณะที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนสัมปทานลดลง เนื่องจากการแก้ไขค่าเชื่อมโครงข่าย ขณะที่ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี ในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายโทรคมนาคมและระยะเวลาการตัดจำหน่ายที่สั้นลง (ตามอายุที่เหลือของสัมปทาน) ในปี 2550 ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้ในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการทำตลาด
โดยแม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่ผู้ให้บริการต้องปรับตัว เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และเป็นปีที่จำนวนผู้ใช้บริการของทั้งตลาดเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เริ่มมีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และผู้ใช้บริการใหม่จากการขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่
ที่ยังมีจำนวนผู้ใช้บริการน้อยอยู่ และไตรมาสสุดท้ายปี 50 พบว่าจำนวผู้ใช้บริการใหม่ของดีแทคเพิ่มขึ้นสูง 893,961 ราย ส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายเครือข่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังพื้นที่ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ดีแทคยังได้ออกเคมเปญใหม่ภายใต้แนวความคิด "Feel Goood" เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้า อีกทั้งยังปรับโฉมการทำตลาดกลุ่มลูกค้าโพสต์เพดใหม่
สำหรับแนวโน้มปี 51 บริษัทประมาณการปี 51 ไว้ว่าการเติบโตของผู้ใช้บริการทั้งหมดในอุตสาหกรรมประมาณ 8-10 ล้านราย โดยคาดว่าจะคงส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % และEBITDA Margin ที่ 28-30 % ของรายได้รวม ส่วนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ประมาณ 11.0 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าตลาดผู้ใช้บริการมือถือ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการในระบบพรีเพดจะยังเป็นตัวผลักดันตลาดโดยรวม แนวโน้มของฐานผู้ใช้บริการรายใหม่จะมาจากส่วนภูมิภาคและจากผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมาย โดยยังคงมุ่งขยายเครือข่าย สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์บริษัท และพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น
ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตรา 0.73 บาทต่อหุ้น หักด้วยภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นใดตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งกำหนดจ่ายปันผล 14 พฤษภาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลของผู้ถือหุ้น
โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ(2.1.1 ) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัท ยกเว้นผู้ที่ถือหุ้นของบริษัทผ่าน ทาง Central Depository (Pte) Limited (CDP) ในประเทศสิงคโปร์ และ ( 2.2.2) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ดังนั้น ท่านผู้ลงทุนที่ถือหุ้นผ่าน ทาง CDP จะมีสิทธิในได้รับเงินปันผลหากมีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ณ เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ในวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ มติบอร์ดดังกล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะได้จัดขึ้นต่อไป โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ จะจัดขึ้นในคราวถัดไปในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 จะได้พิจารณาและกำหนดวันประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นและวาระที่จะพิจารณาและลงมติในการประชุมดังกล่าว
|
|
|
|
|