งานออกแบบตกแต่งภายในหรือที่คนในวงการนิยมเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษกันว่างานอินทีเรีย
ดีไซด์ ในด้านความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยแล้วถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น สิงคโปร์และฮ่องกง
แต่ทว่างานด้านนี้จะอาศัยเพียงแค่มีจินตนาการและความเข้าใจในงานออกแบบเท่านั้นหาพอไม่
สิ่งที่ต้องเดินควบคู่พร้อมกันไปด้วยความสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันคือ
การทำงานให้เสร็จตรงตามเวลา และงานที่สำเร็จสามารถสนองประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
และส่วนสำคัญประการนี้เองที่บริษัทรับตกแต่งของคนไทยส่วนใหญ่มักจะทำไม่ได้ตามเป้าหมาย
ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนฉุดรั้งบริษัทคนไทยที่ต้องการก้าวสู่ความยอมรับในวงการระดับนานาชาติ
"สังเกตจากงานอินทีเรียของบ้านเรา จะเสร็จประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ยอมเสร็จสักทีเป็นอย่างนี้เป็นประจำเลย
ทั้ง ๆ ที่ยังมีเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายอีกถึง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทำงานเสร็จเต็ม
100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม" ประภัตร์ รอดสุธา กรรมการผู้จัดการบริษัท 3D
INTERNATIONAL เล่าถึงอุปนิสัยการทำงานของคนไทย ซึ่งเป็นอุปสรรคข้อหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติส่ายหน้า
บริษัท 3D INTERNATIONAL เป็นบริษัทให้คำปรึกษาตกแต่งภายในที่เชี่ยวชาญทางด้านภัตตาคารโรงแรมและสำนักงาน
โดยเฉพาะลูกค้าที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจครั้งแรกและไม่มีความรู้ว่าควรใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ประเภทใดจึงจะเหมาะสม
และให้ประสิทธิภาพการทำงานมากที่สุดทางบริษัทจะให้ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญเหล่านี้
ตลอดจนการออกแบบสถานที่เรียกประมูลราคาสัมภาษณ์และตรวจสอบราคาผู้รับเหมา
และควบคุมการตกแต่งจนกระทั่งงานสำเร็จสมบูรณ์
ก่อนหน้าที่ประภัตร์จะขึ้นมาถึงระดับผู้บริหาร เขาเริ่มเข้าสู่สายงานนี้ครั้งแรกเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังหลังจากเรียนจบแล้วก็ยังยึดการออกแบบและเขียนแบบเองเป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกว่าหากมัวแต่นั่งเขียนแบบเช่นนี้ไปเรื่อย
ๆ ก็คงจะต้องอยู่ตรงจุดนี้ไปจนแก่โดยที่ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นเลย
ประภัตร์ จึงหันมาสนใจการดำเนินงานธุรกิจการดำเนินงานธุรกิจทางด้านการออกแบบโดยที่ไม่ทิ้งงานเขียนแบบที่ถนัดจากบริษัท
DAVID BROADLEY ASSOCIATES ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่สิงคโปร์เขาทำงานที่นี่ได้สักพักหนึ่งก็ลาออกมาเป็นหนึ่งคนไทยในคณะผู้ก่อตั้งชาวสวิสและสิงคโปร์อีก
3 คน รวมกันเป็นสี่สร้างบริษัท 3D INTERNATIONAL ขึ้นมีสำนักงานอยู่ 3 ประเทศ
คือ สิงคโปร์ มาเลเซียและไทย
บริษัท 3D INTERNATIONAL วางเป้าหมายของบริษัทว่าต้องก้าวสู่ระดับนานาชาติ
ด้วยเหตุนี้การวางระบบบริหารงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายจึงสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะสำนักงานในเมืองไทยต้องปรับเปลี่ยนลักษณะงานที่บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานต่าง
ๆ ให้เหลือน้อยลงที่สุด
หัวใจของการทำงานที่นี่คือตัดความฟุ่มเฟือยของการแบ่งความรับผิดชอบตามสายงานเป็นส่วน
ๆ ออกสิ้น ให้เหลือผู้รับผิดชอบและตัดสินใจอยู่ที่โปรเจ็กซูปเปอร์ไวเซอร์คนเดียวเป็นผู้ดูแลทั้งโครงการให้เสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลา
"สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเราต้องทำงานให้เสร็จตามกำหนด เพราะถ้าไม่ตรงตามเวลาลูกค้าจะเสียหายเสียค่าดอกเบี้ยมากขึ้น
ยกตัวอย่างงานที่เพิ่งเสร็จไม่นานนี้เองคือ TEN SATHORN CLUB ซึ่งเราออกแบบภายในอาคารสูง
8 ชั้นทั้งหมด เราต้องทำให้เสร็จก่อนวันกำหนดเปิดบริการให้ได้และแต่ละห้องต้องใช้ประโยชน์ได้ตามที่คุยไว้ด้วย"
ประภัตรกล่าวสำทับอีกครั้งถึงเรื่องเวลาที่ต้องรักษาให้ตรง เพราะงานของเขาเป็นงานที่เรียกว่า
BUSINESS INTERIOR DESIGN มิใช่เป็นงานศิลปะบริสุทธิ์ แต่เป็นงานพาณิชย์ศิลป์
แต่การที่จะหาคนที่มีความสามารถคุมงานทั้งโครงการได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย
นอกจากต้องรอบรู้งานเพื่อแก้ปัญหาได้ถูกจุดแล้ว ยังต้องประกอบด้วยทัศนคติที่ถือว่าเพื่อนร่วมทีมซึ่งมีผู้ออกแบบ
คนเขียนแบบและผู้รับเหมาก่อสร้างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันเพื่อว่าเมื่อมีความผิดพลาดใด
ๆ เกิดขึ้นจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาแทนที่จะโยนความผิดให้กันและกัน
อย่างไรก็ดีประภัตร์ก็ยอมรับว่าถึงแม้เขาจะพยายามเลือกเฟ้นหัวหน้า และวางระบบการทำงานที่คิดว่าให้งานเดินคล่องสะดวกที่สุดก็ตามแต่ถ้าคนอื่น
ๆ ที่ต้องมาสัมพันธ์ด้วยกันยังมีทัศนคติการทำงานแบบเก่า ระบบที่วางไว้ก็ไร้ความหมาย
"ระบบการทำงานของไทยยังมีลักษณะเป็นแบบอาวุโสมีครั้งหนึ่งผมส่งหนังสือบันทึกขอประชุม
บังเอิญมีคนหนึ่งในทีมงานเป็นอาจารย์ ได้รับจดหมายของผมปั๊บก็โทรศัพท์มาต่อว่าเลยว่าผมเป็นใครมีอำนาจพอที่จะเรียกประชุมได้
ซึ่งผมคิดว่าการนัดประชุมเพื่อชี้แจงงานเป็นเรื่องที่ไม่ว่าฝ่ายไหนเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นสามารถทำได้เสมอ"
ประภัตร์เล่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่เขามีอายุงานคลุกคลีอยู่ในวงการเพียง
7 ปี ซึ่งสำหรับบางคนถือว่าไม่แก่พอที่จะนับถือ
นอกเหนือจากการติดยึดในระบบอาวุโสแล้วยังมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในทุกเรื่อง
ประภัตร์ยกตัวอย่างเปรียบเทียบการทำงานของคนไทยกับคนฮ่องกงและสิงคโปร์ให้ฟังว่า
ความกระตือรือร้นในการทำงานของผู้รับเหมาของทั้งสองชาติจะมีมากกว่าคนไทยนับตั้งแต่รู้ข่าวว่าจะมีการประมูลงานชิ้นหนึ่ง
พวกเขาจะรีบนัดรอคิดแต่เช้าพร้อมเอกสารข้อมูล ซึ่งตรงข้ามกับคนไทยที่ต้องโทรศัพท์ตามตัวมกกว่า
3 วันและแต่ละรายก็จะติดต่อเข้ามาไม่พร้อมกัน หลังจากนั้นยังต้องรออีกอาทิตย์ถึงจะได้ใบเสนอราคา
บางครั้งพิมพ์ราคาผิดพลาดก็ต้องเสียเวลาแก้ไขกว่าจะตกลงกันได้ก็กินเวลาเกือบเดือน
เมื่อปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งนอกเหนืออำนาจการจัดการของเขาสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดขณะนี้คือ
ถ้าไม่สามารถหาผู้ร่วมงานโดยเฉพาะผู้รับเหมาที่ตรงต่อเวลาได้ เขาก็ต้องวางเป้าหมายของงานให้เสร็จเร็วกว่าที่ลูกค้าต้องการ
2 เดือนเพื่อเผื่อเวลาไว้สำหรับปัญหาที่ต้องเกิดขึ้น
"ผมฝันอยากให้เราทำงานลักษณะเช่นเดียวกับต่างชาติไม่ใช่ว่าผมจะยกย่องคนชาติอื่นแต่ผมอยากให้เขาเลิกดูถูกเราเสียที
ดูง่าย ๆ เราจะเห็นว่าบริเวณที่ทำการก่อสร้างจะสกปรกที่สุดเลย บ้านพักคนงานห้องส้วม
สกปรกหมดเลยหรือเวลาปูหินอ่อน พอปูเสร็จแล้วเราก็ไม่หาผ้าคลุม ปล่อยให้ทรายก่อสร้างขูดไปขูดมาเป็นรอย
ซึ่งเราก็รู้ว่าเมื่อเสร็จงานแล้วก็ต้องเสียเวลามาซ่อมอีก" ประภัตร์
กล่าวกับ "ผู้จัดการ
การจะเป็นมืออาชีพระดับนานาชาติทางด้านการออกแบบตกแต่งภายในที่แท้จริงจึงมิได้หมายถึงเฉพาะมีฝีมือออกแบบ
และสื่อสารภาษาต่างชาติได้เท่านั้น แต่ต้องรวมถึงความมีวินัยและเคารพเพื่อนร่วมงาน
ซึ่งสองประการหลังนี้เองเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นในพริบตา แต่เป็นสิ่งที่บางคนต้องใช้เวลาฝึกฝนเกือบครึ่งค่อนชีวิตทีเดียว